ระบบ Autopilot ของ Tesla ที่ผ่านการ Upgrade ไปในเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ได้แสดงศักยภาพให้เป็นที่ประจักษ์ หลังจากที่ระบบสามารถเตือนคนขับว่ากำลัง
จะเกิดอุบัติเหตุข้างหน้า พร้อมกับลดความเร็วให้โดยอัตโนมัติ ได้ทันเวลาอีกด้วย
Original video, authorisation from the owner. Essential, no one could predict the accident but the radar did and acted by emergency braking. pic.twitter.com/70MySRiHGR
— Hans Noordsij (@HansNoordsij) December 27, 2016
คลิปวีดีโอที่เห็นมาจากกล้องติดหน้ารถ ที่อยู่ใน Tesla ซึ่งระบุเวลาว่าเกิดขึ้นในวันที่
27 ธันวาคม จากภาพจะเห็นว่ามีรถยนต์วิ่งไปตามปกติ โดยใช้ความเร็วประมาณ
110 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทันใดนั้นรถยนต์คันสีชมพูข้างหน้า เหมือนจะเบี่ยงออก
เล็กน้อย แต่ไม่มีการลดความเร็วลง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ระบบ Autopilot
ส่งสัญญาณเตือน พร้อมลดความเร็วลงทันที ก่อนที่รถคันข้างหน้าจะชนท้ายกัน
ทำให้ SUV คันข้างหน้าเกิดพลิกคว่ำ และ รถยนต์สีชมพูที่ไปชนท้ายเสียหลัก
ออกไปที่ไหล่ทาง
เนื่องจากมีรูป Tesla Model S ใน Twitter ของ Hans Noordsij ผู้ขับขี่ Tesla คันที่บันทึก
เหตุการณ์ จึงคาดว่า Model S คือ รถคันที่ใช้ระหว่างบันทึกเหตุการณ์นี้ไว้ได้ ทั้งนี้ Noordsij
ระบุว่าระบบ Autopilot ลดความเร็วรถลงโดยอัตโนมัติ ก่อนที่เขาจะเหยียบเบรกเองเสียอีก
และ สิ่งที่น่าประทับใจ คือระบบ Autopilot ไม่ได้ใช้เรดาร์ตรวจจับรถคันสีชมพูที่อยู่ด้านหน้า
เพียงคันเดียว แต่ยังสามารถตรวจจับความผิดปกติของ SUV คันที่อยู่ถัดไปได้ด้วย
คาดว่าระบบน่าจะตรวจจับ คำนวณจากความเร็วของรถ SUV คันที่อยู่ข้างหน้ารถคันสีชมพูด้วย
เมื่อระยะของรถทั้ง 2 อยู่ใกล้กันมากขึ้น แต่รถคันสีชมพูที่ตามหลังมา ความเร็วยังคงเดิม
บวกกับไม่มีการตอบสนองขององศาการหักเลี้ยวที่มากพอ
Noordsij ระบุด้วยว่าผู้ขับขี่ของรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุทั้ง 2 คัน ไม่ได้รับบาดเจ็บ
สาหัสทั้งคู่ นับว่า เป็นสิ่งดีที่เทคโนโลยีในปัจจุบัน ได้พัฒนาไปจนถึงจุดที่มีระบบ
ช่วยหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุได้ อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะถ้าหากไม่มีระบบ Autopilot
ทั้ง Noordsij อาจจะเบรกไม่ทัน และ คนขับ SUV อาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัส
จากอุบัติเหตุซ้ำซ้อนก็เป็นได้
ที่มา : mashable