ใครว่าเศรษฐกิจโลกตกต่ำจะทำให้ยักษ์ใหญ่อย่างจีนทรุดฮวบลงไปด้วย รัฐบาลจีนมองการณ์ไกลกระตุ้นยอดขายรถยนต์ในบ้านตนด้วยการลดภาษีรถขนาดต่ำกว่า 1,600 ซีซี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตลาดรถขนาดเล็กพวก A และ B segment ที่คนจีนมักหมางเมินเป็นส่วนใหญ่ เพราะพฤติกรรมคนจีนหันไปหารถที่ใหญ่กว่านั้นมาก แม้ราคาน้ำมันจะพุ่งกระฉูดแล้วก็ตาม พอลดภาษีรถเล็กปุ๊บก็ได้ผลปั๊บทำให้ตลาดรถเล็กคึกคักขึ้นมาก และผลพลอยได้ของรถ C-segment ขนาดความจุต่ำกว่า 1,600 ซีซีซึ่งเป็นตลาดใหญ่มาก ๆ ตอบโจทย์คนจีนอยู่แล้วก็ยิ่งขยับพุ่งขึ้นไปอีกเช่นกัน
ยอดขายรถจีนเดือนเมษายนพุ่งกระฉูดจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้วถึง 37.4% จำนวน 831,000 คัน ถือเป็นประวัติที่ต้องจารึกว่า ขยับตัวก้าวกระโดดครั้งรุนแรงและสวนกระแสโลกกันสุด ๆ แม้กระทั่งรถประเภทอื่น ๆ ทั้งรถบัส มินิแวนก็มียอดขายเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
เหตุการณ์นี้ทำให้ยักษ์ใหญ่ที่มีรถเก๋งจัดจำหน่าย 4 รายขายรถได้รายละ 50,000 คันขึ้นไปทั้งนั้นได้แก่ Shanghai VW โดยเฉพาะเจ้านี้ขายได้มากถึง 6 หมื่นคัน, FAW VW, Shanghai GM และ Beijing Hyundai
GM ถึงขั้นแถลงว่ายอดขายรวมแบรนด์ในเครือทั้งหมดเดือนเมษายนเติบโตถึง 50% หรือขายได้ 151,084 คัน ขณะที่ Changan Ford Mazda ประกาศยอดขายเติบโตถึง 33% หรือขายได้ 25,882 คัน ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการเปิดตัวรถที่ถูกเวลาอย่าง Ford Fiesta Sedan และ Mazda 2 Sedan
ยอดขายดีขนาดนี้แต่ทำไมถึงทำหน้าเฉย ๆ พร้อมบอกกับแหล่งข่าวว่ายอดดีแต่มิมีกำไร ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ก็เพราะการลดภาษีของรถขนาดต่ำกว่า 1.6 ลิตรทำให้กำไรต่อคันน้อยลงมากนั้นเอง ยิ่งรถเล็กลงมากก็แทบหากำไรไม่ได้เลย รวมทั้งตลาดรถ C-segment ที่เคยทำกำไรเป็นกอบเป็นกำก็หดไปตามภาษีที่ลดเช่นกัน
แต่อย่างน้อยอาจจะได้คุ้มเสียเมื่อนึกถึงจำนวนการผลิตที่มีมากก็ยิ่งทำให้ผู้ผลิตแต่ค่ายสนใจลงทุนที่จีนมากขึ้นเพื่อเป็นฐานการส่งออกหลักของโลกก็ยิ่งคุ้มกำไรมากยิ่งขึ้น รวมทั้งต่อยอดไปยังโปรเจคท์ประเทศแห่งรถพลังงานสะอาดที่รัฐบาลฝันเอาไว้ก็ยิ่งเป็นจริงเร็วมากขึ้นนั่นเอง