ในปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยีและลูกเล่นต่างๆของตัวรถเพื่อช่วยเหลือคนขับนั้นมีมากมายจนเด่นกว่าฟีเจอร์หลักๆ
ของรถคันนั้นเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเตือนการหลับใน ระบบช่วยรักษาเสถียรภาพตัวรถ ระบบช่วยถอยจอด
ระบบช่วยเบรก ระบบช่วยไม่ให้ขับรถออกนอกเลนถนน ฯลฯ ไปจนถึงการพยายามจากยักษ์ใหญ่ไอทีอย่าง Google
ที่จะทำให้รถยนต์ขับได้ด้วยตัวเอง ที่ก็ได้มีการทดลองวิ่งบนถนนในสหรัฐฯมาสักพักใหญ่แล้ว

alt

แต่นั่นคือสิ่งที่”จำเป็น”ต่อคนใช้รถ หรือคนที่อยากเดินทางจริงๆหรือ? The Detroit News ได้รายงานผลการ
ศึกษาจากผู้ขับขี่ในสหรัฐอเมริกาที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปกว่า 2,500 คน ซึ่งการศึกษานี้จัดทำขึ้นโดย Ford และพบ
ว่ากว่า 9 ใน 10 ของอาสาสมัครต่างสนใจในเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยในรูปแบบ Active Safety ต่างๆ

โดยผลการศึกษายังชี้ว่า 60% ของอาสาสมัครรู้สึกว่าจุดบอดของตัวรถ คือสาเหตุของอุบัติเหตุ และ 40%
ของอาสาสมัคร ยังรู้สึกตื่นกลัวกับการเข้าจอดแบบขนาน และผู้เข้าทดสอบกว่าครึ่งยอมรับว่า เคยหลับในระ
หว่างการขับขี่มาแล้ว

แต่ในส่วนของรถยนต์ที่ขับเองได้นั้น มีเพียง 39% เท่านั้นที่ให้ความสนใจและจะรู้สึกสบายใจหากได้ใช้รถยนต์
ที่ขับเองได้ ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ที่ยังหวาดกลัวกับรถยนต์ขับเองได้นั้น น่าจะมาจากความรู้สึกไม่ไว้วางใจกับเทคโน
โลยี และคนขับส่วนใหญ่ยังรู้สึกอยากที่จะควบคุมสถานการณ์เองด้วยมากกว่าครับ อย่างไรก็ตาม ในการศึกษา
ก่อนหน้านี้ก็ได้ให้ข้อมูลว่า รถยนต์ที่ขับเองได้ จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนน้อยกว่ารถยนต์ที่ถูกบังคับ
โดยมนุษย์ ซึ่งก็เป็นเรื่องของอนาคตว่าบรรดาบริษัทรถยนต์และบริษัทด้านไอทีจะสร้างความมั่นใจของเทคโนโลยี
รถยนต์ขับเองได้ให้แก่ผู้บริโภคอย่างไรได้บ้างครับ