แม้ Toyota เป็นบริษัทรถยักษ์ใหญ่อันดับ 1 (แต่น่าจะหล่นมาอันดับ 2 ในปีนี้)
ที่อยู่ในชั้นต่อกรยาก แต่ Toyota ก็ถือเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีส่วนช่วยสร้างสรรค์
อุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลกด้วยการกล้าปล่อยสิทธิบัตรเทคโนโลยีขุมพลัง
Fuel Cell ให้ใช้กันฟรีจนถึงปี 2020 หวัง และล่าสุด Toyota ยังยอมเทคโนโลยี
Hybrid สำหรับบริษัทรถที่ไม่เชี่ยวชาญในการพัฒนาเพื่อหวังเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วย
ลดมลพิษให้แก่โลกใบนี้ได้
มีความเป็นไปได้สูงว่า Toyota จะขายเทคโนโลยีเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid
ครบทุกชิ้นส่วน อาทิ เครื่องยนต์, ระบบส่งกำลังและระบบขับเคลื่อนที่เกี่ยวข้อง
ให้แก่คู่แข่งได้ แทนที่จะเป็นแข่งกันเอาเป็นเอาตายเหมือนในอดีต นั่นก็ทำให้
Toyotaกลายเป็นซัพพลายเออร์ขุมพลัง Hybrid รายใหญ่โดยปริยาย
หัวใจหลักของการปรับตัวครั้งนี้เพื่อเป็นการสนองแนวคิด ขุมพลังหนึ่งขนาดที่
สามารถติดตั้งรถยนต์ได้ทุกคัน เนื่องจากรถยนต์ใหม่จะเริ่มมีชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์
ที่ง่ายต่อการออกแบบและติดตั้งที่จะเป็นวิถีใหม่แห่งการพัฒนารถยนต์จากระบบ
งานวิศวกรรมกลายเป็นยานพาหนะคอมพิวเตอร์
ความกดดันของผู้ผลิตรถยนต์ที่ต้องการพัฒนารถยนต์ให้มีค่าไอเสียตามข้อบังคับ
อันเข้มงวดและลูกค้าต้องการถไฟฟ้าที่มีระยะทางวิ่งยาวไกลขึ้นคือโอกาสสำคัญที่
Toyota จะซื้อใจผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งและสามารถทำกำไรหรือควบคุมทิศทาง
อะไรบางอย่างได้เพราะเทคโนโลยี Hybrid จาก Toyota ถือเป็นที่สุดจนยากต่อไล่ตาม
ผลประโยชน์ที่ Toyota จะได้รับจากการขายชุดเทคโนโลยี Hybrid ให้แก่คู่แข่งคือ
Toyota สามารถนำรายได้จากการขายชุดเทคโนโลยีดังกล่าวมาสมทบกับงบวิจัยและ
พัฒนาเพิ่มขึ้น ลองจินตนาการดูว่าหากปีหนึ่ง Toyota สามารถขายรถยนต์ Hybrid
ได้ 1 ล้านคันต่อปี แล้วยังมียอดขายจากคู่แข่งที่ติดตั้งระบบ Hybrid จาก Toyota อีก
1 ล้านคัน ก็ทำให้ Toyota จะมีงบวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเลยทีเดียว
Takeshi Miyao ผู้อำนวยการทั่วไปสำนักข้อมูล Carnorama ได้แสดงความคิดเห็น
ว่า งานนี้สมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย Toyota ก็จะมีเงินนำไปพัฒนาเทคโนโลยีต่อไป
ส่วนลูกค้าทั่วไปที่ซื้อรถคู่แข่งก็สามารถใช้รถยนต์ Hybrid ที่ราคาถูกกว่าและคุณภาพ
ดีกว่าเดิมด้วย
ที่มา : iol.co.za