Masamichi Kogai ซีอีโอ Mazda ตั้งเป้าต่อสู้ตลาดรถยนต์สหรัฐอเมริกาตกต่ำลงด้วย
การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่มีความทะเยอทะยานในการผลักดันเป็นบูทีค (boutique) แบรนด์
เหนือกว่าแบรนด์ตลาด ๆ ทั่วไป นั่นทำให้แบรนด์ Mazda จะฉีกแนวด้วยการวางภาพลักษณ์
แบรนด์, ราคาจำหน่ายที่ไม่จำเป็นต้องใช้ส่วนลดและมีผลกำไรที่น่าพอใจ
Mazda ได้วางหมากการยกระดับแบรนด์สองลำดับขั้น ลำดับแรกคือการเปิดตัวรถยนต์
รุ่นใหม่ที่มี SkyActiv Technology เมื่อปี 2012 และลำดับต่อมาคือการเปิดตัวรถยนต์
เจเนเรชั่นใหม่ดั่งที่เห็นจาก All New Mazda CX-5 ซึ่งจะเป็นรถยนต์ใหม่ที่จะนำไปสู่การ
เปิดตัว SkyActiv Technology เวอร์ชัน 2 ภายในเดือนมีนาคมปี 2019
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ Mazda ต้องพลิกวิธีคิดเช่นนี้ก็เพราะว่า Mazda ต้องการตั้งเป้า
ตัวเองเหนือกว่าผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ต้องการสร้างอนาคตระยะยาวเป็นแบรนด์เฉพาะ
กลุ่มที่มีกำไรมาร์จิ้นสูงเพื่อนำเงินดังกล่าวไปพัฒนารถยนต์พลังงานทางเลือกและเทคโนโลยี
ความปลอดภัยต่อไป
Masamichi Kogai ได้วางยุทธศาสตร์หลักให้แก่ Mazda เพื่อให้มีภาพลักษณ์แบรนด์
อยู่เหนือว่าแบรนด์ท้องตลาดทั่วไป ได้แก่
-รักษาเงินสนับสนุนการขายให้คงที่
-ปลูกฝังภาพลักษณ์แบรนด์ไปสู่ตลาดบนด้วยคุณสมบัติการขับขี่ที่สปอร์ต, ภายในที่หรูหรา
และการออกแบบที่ดูมีราคา
-รักษาฐานลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อรถยนต์ Mazda อีกครั้งในอัตราส่วน 60%
และเพื่อเป้าหมายอันสูงสุดบรรดาดีลเลอร์ Mazda ทั่วสหรัฐอเมริกาจะต้องยอมรับ
เงื่อนไขการพลิกแบรนด์ด้วยเช่นกัน
ปัญหาสำคัญของ Mazda สหรัฐอเมริกาในเวลานี้คือ Mazda มียอดขายเดือนมกราคม
– พฤศจิกายน 2016 ตกลง 7.2% ซึ่งสอดคล้องกับสภาวะยอดขายรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา
อยู่ในช่วงตกต่ำลง อีกทั้ง Mazda ได้เพิ่มราคาขายรถสวนทางกับคู่แข่งที่พยายามใช้สงครามราคา
อีกทั้ง Mazda ยังประสบปัญหาการจัดอันดับในอุตสาหกรรมยานยนต์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
ทั้งการประเมินความน่าเชื่อถือ, การวัดคุณภาพหลังซื้อรถใหม่ได้ไม่นานและดัชนีความ
ประทับใจในบริการที่ผ่านการสำรวจโดย J.D.Power
ดังนั้น Mazda จึงฝากความหวังใหม่ให้แก่รถยนต์เจเนเรชั่นใหม่ที่จะช่วยยกระดับแบรนด์
ให้ไปสู่จุดที่น่าพึงพอใจโดยพยายามนำแบรนด์รถยนต์ 2 แบรนด์(ที่ไม่เอ่ยชื่อ) มาเป็นเป้า
หมายให้ Mazda ก้าวต่อไปโดย Kogai คาดหวังว่ารถรุ่นใหม่จะมีความเปลี่ยนแบบก้าว
กระโดดจากรุ่นปัจจุบัน ซึ่งเป็นการย้ำความสำเร็จซ้ำสองของ Mazda ที่สามารถบุกเบิก
รถยนต์ SkyActiv Technology จนประสบความสำเร็จกว่าเดิมแบบก้าวกระโดด
สำหรับ All New Mazda CX-5 ใหม่จะยังไม่ได้ใช้เทคโนโลยี SkyActiv 2 ที่เคลมกันว่า
จะติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ผ่านกำลังอัดแปรผันสูงพิเศษจนประหยัดน้ำมันกว่าเดิม 30%
แต่ CX-5 โฉมใหม่ก็มีดีไซน์, มีการปรับปรุงแชสซีส์พร้อมติดตั้งเทคโนโลยี G-Vectoring
Control ในแบบ SkyActiv 2
Mazda CX-5 รุ่นปัจจุบันถือเป็นเอสยูวีที่ประสบความสำเร็จสูงสุดรุ่นหนึ่งของ Mazda
ด้วยยอดขายต่อปีเฉียด 4 แสนคัน เมื่อปี 2015 ที่ผ่านมา Mazda CX-5 ก็มียอดขายรวม
ทั่วโลกถึง 370,000 คัน สำหรับตลาดอเมริกา Mazda CX-5 ก็ประสบความสำเร็จด้วย
ยอดขายสะสม 11 เดือนของปี 2016 สูงถึง 100,426 คัน
สำหรับใครที่ยังลังเลและต้องการซื้อรถยนต์ Mazda ที่มีเทคโนโลยี SkyActiv 2 เห็นที
ต้องรอไปเลยถึงเดือนมีนาคมปี 2019
กลยุทธ์สำคัญอีกกลยุทธ์คือ การวางราคาที่ถูกต้อง หลีกเลี่ยงกลยุทธ์การฟาดฟันด้วย
ส่วนลด เพราะถ้าลูกค้าซื้อรถด้วยราคาแล้ว หากลูกค้าต้องการจะซื้อรถใหม่พวกเขาก็
จะหันไปหาแบรนด์รถยนต์ที่มีราคาถูกกว่าแทน ทำให้ Mazda ไร้ซึ่งลูกค้าประจำ
Mazda สหรัฐอเมริกาต้องการรักษาฐานลูกค้าเก่าให้ถึง 60% เพราะ Mazda ญี่ปุ่นมี
ฐานลูกค้าเก่าถึง 50% แล้ว ในปัจจุบัน Mazda สหรัฐอเมริกามีฐานลูกค้าเพียงแค่ 37%
ที่มา : Autoweek