ในที่สุดเราก็ได้รู้กันเสียทีว่ารถ Hybrid ทำกำไรให้แก่บริษัทรถยนต์ขนาดไหนโดยอาศัยภาพลักษณ์รักษาสิ่งแวดล้อมและความล้ำหน้าเทคโนโลยีเป็นตัวสร้างคุณค่าใหม่ของรถที่สามารถทำราคาขายได้สูงตามต้นทุนจริงและต้นทุนคุณค่า ตอนนี้ต้นทุนการผลิตของ Hybrid ก็น้อยกว่าเดิมแล้วแต่คุณค่าอื่นและราคายังคงเดิม (คือแพงกว่าเครื่องปกติพอสมควร) ก็ยิ่งสามารถเพิ่มส่วนต่างกำไรได้
หนังสือพิมพ์ธุรกิจชื่อดังนิกเกอิเปิดเผยว่ากำไรของรถ Hybrid สองแบรนด์ดัง Toyota และ Honda เฉลี่ยคันละ 3,100 เหรียญดอลลาร์สหรัฐหรือเทียบเป็นเงินไทยคือ 108,469 บาท (อ้างอิงจากเวบไซต์แลกเปลี่ยนค่าเงินตรา XE.com เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2552 เวลา 13.37 น.) แล้วกำไรพวกนี้มันมีค่ามากขนาดไหนต้องเปรียบเทียบรถยนต์แบรนด์อื่น ๆ ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินปกติ
ค่าย GM ขาดทุนมากถึงคันละ 1,271 ดอลลาร์ต่อคัน,ค่าย Ford ก็ขาดทุนคันละ 451 ดอลลาร์,Toyota เองถึงแม้ยังทำกำไรรถยนต์เบนซินได้แต่ก็น้อยกว่า Hybrid เท่าตัวคือได้คันละ 1,715 ดอลลาร์,Honda ทำกำไรคันละ 1,259 คันพอดี
ถึงแม้ว่ารถ Hybrid รุ่นใหม่ที่ทั้งคู่ส่งทำตลาดจะทำราคาได้ถูกลงใกล้เคียงกับรถเครื่องเบนซินแต่ถือว่าสร้างกำไรมากกว่าอยู่ดี ประกอบกับกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานมาแรงมากก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่ทำให้รถพวกนี้ขายได้น้อย
สำหรับรถไฟฟ้าที่หลายค่ายเตรียมจะทำตลาดก่อนใครอย่าง Nissan และ Chevrolet จะสามารถทำกำไรงดงามได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวแปรอื่น ๆ ทั้งต้นทุนและยอดขายในตลาดโลก