พายุฝน ที่โหมกระหน่ำ ย่านอโศก ยามเที่ยงวันที่ 28 เมษายน ผ่านมา
แม้จะนำพาความเปียกโชกมาให้ใครอีกหลายคน
แต่ไม่ใช่กับผม และ ตาโป่ง พีอาร์ของ ฟอร์ด
ที่กำลังยืนหลบฝน อยู่ใน FoodLand

 

 

วันนี้เรานัดกันว่าจะรับรถ Focus TDCi ไปทดลองขับ

ท้ายที่สุด มีพี่ที่ทำงานในฟอร์ด นำรถมารับ ดีลเลอร์
ซึ่งแวะไปกินข้าวเที่ยงกันที่นั่น ผมกับโป่ง เลยได้อานิสงค์
ติดรถไปลงที่สำนักงานของฟอร์ด ณ ตึกเลครัชดาด้วยกัน
ไม่ต้องไปฝ่าสายฝนให้ตัวเปียกปอน
ไม่ต้องไปวิ่งลุยน้ำ ให้เปียกแฉะไปหมด

ผมว่า ผมโชคดีที่ ไม่ว่า ผมจะติดปัญหาอะไรก็ตาม
ท้ายที่สุด จะเหมือนมีใครสักคน ส่งความช่วยเหลือมาให้เรื่อยๆ

ไม่เว้นแม้แต่ครั้งนี้ ที่ พายุฝน มาพร้อมกับ น้ำท่วมในซอย
หลังตึกเลครัชดา มันก่อให้เกิดคลื่นลูกเล็กๆ มากมาย

แต่ จะว่าไปแล้ว ขนาดของคลื่นเล็กๆเหล่านั้น
ก็มีขนาดไม่ได้แตกต่างจาก “คลื่นใต้น้ำ” ที่ผมไปพบเจอโดยบังเอิญ และโดยสังหรณ์
ในตอนนั้นพอดี

คลื่นลูกนั้น หวังและหมายมั่นว่าจะให้กระทบชายฝั่ง ความคิด ของผู้คน ให้จงได้

ผมอาจจะประเมินคลื่นลูกนี้เอาไว้บ้าง ที่ผ่านมา ว่า มันเป็นธรรมชาติของคลื่น
ที่คงต้องมีกระทบชายฝั่งบ้าง เราแค่อยู่เฉยๆ อย่างที่ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ในวงการ
และในทีม The Coup ของผม เตือนสติผมมาตลอด ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

เพระาการสร้างบ้านริมชายฝั่งนั้น อย่างไรก็ตาม การกัดเซาะพังทลายของหน้าดิน
โดยคลื่นจากทะเล มันเป็นเรื่องยากเกินหลีกเลี่ยง เราได้แต่ พยายามสร้างบ้านของเราให้ดีที่สุด
ด้วยวัสดุที่ดีที่สุด ออกแบบและคำนวนอย่างดีที่สุด เราทำได้แค่นั้น

แต่ ในเมื่อ ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังคงดำเนินต่อไป และไม่มีทีท่าว่าจบสิ้นง่ายๆ
คลื่นลูกที่ว่า ยังคงทะยอยซัดเข้าหาฝั่งเรื่อยๆ และด้วยกำลังที่แรงขึ้น
ความสูงของคลื่นที่เพิ่มมากขึ้น

ชายฝั่ง ที่ผมยืนอยู่ ก็เริ่มจะเปียกแฉะมากขึ้น

บางที ผมต้องเริ่มสร้าง กำแพงกันคลื่น เสียบ้าง
แม้อาจจะทำให้เสียทัศนียภาพในการมองชายฝั่งของผมไปนิดหน่อย
แต่ไม่เป็นไร ถ้าอยากดูความสวยงามของท้องทะเล
ผมก็แค่ปีนบันได ขึ้นไปนั่งๆยืนๆ มองความสวยงาม และความบ้าคลั่งของท้องทะเล
อยู่ที่ด้านบนสุดของกำแพงกันคลื่น นั้นได้อยู่ดี

กำแพงนั้น สูงพอที่จะทำให้คลื่นใดๆ ไม่อาจทำอันตรายผมได้

และกำแพงนั้น ก็คือ “ความรัก ความห่วงใย อันเป็นกำลังใจชั้นดี” จากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคน

——————————————–

ผมเป็นคนพูด กับตาโป่ง พีอาร์ของฟอร์ด
ผู้ที่กลายมาเป็น “เพื่อน” ในใจผมไปอีกคนหนึ่งในที่สุด ด้วยตัวเองว่า 
ผมยังไม่ต้องการให้ฟอร์ดมาลงโฆษณากับผมตอนนี้
เพราะรู้กันดีอยู่ว่า ฟอร์ดเอง ก็ไม่ค่อยมีเงินนัก การจะทำโปรโมชันอะไรแต่ละอย่าง
ยังคิดแล้วคิดอีก แถมยังต้องกันเงินบางส่วน เอาไว้สำหรับเตรียมแผนเปิดตัว Fiesta ใหม่
ในช่วง ปลายปีนี้ – ต้นปีหน้า กันอีก

และลึกๆนั้น ผมก็รู้ดีอยู่แล้วว่า ในเวลานี้
สำหรับฟอร์ดแล้ว Headlightmag.com ของเรา
ยังไม่มีความสำคัญเพียงพอเมื่อเทียบกับสื่ออื่นๆ

ซึ่ง ผมไม่ว่าอะไร  ก็เพราะว่ามันเป็นความจริง ถ้ามองในมุมของฟอร์ด

รู้ดังนี้แล้ว ทำไมผมถึงยังจะทำรีวิว โฟกัส ออกมาให้คุณๆได้อ่านกัน?

เอ๋า! ก็แค่ผมอยากจะทำรีวิว รถรุ่นนี้ซะที แค่เนี้ยเลย!

ไม่มีอะไรเลยที่ซ่อนตัวอยู่ในกอไผ่
ผมแค่อยากทำรีวิว ของ โฟกัส มาให้อ่านกันนานมากแล้ว ติดค้างคุณผู้อ่านมาหลายครา
และยิ่ง TDCi ตัวนี้ ผมรอมานานมากกว่าจะได้ขับ โอกาสช่วงที่ผ่านๆมา ไม่ได้เอื้ออำนวยเลยแม้แต่น้อย
ได้ยินว่ามันแรงเอาเรื่อง ขับสนุกเอาการ มานานทีหลายปีดีดัก

นี่คงเป็นเครื่องยืนยันถึงความบริสุทธิ์ใจของผม ได้ว่า

ผมก็ไม่ได้ต้องการเงินช่วยเหลือ ในการทำรีวิวใดๆทั้งสิ้น
ถ้าอยากจะช่วยเหลือกัน ขอให้ช่วยเป็นการลงโฆษณา ตามปกติแทนไปจะดีที่สุด
เพราะมันเป็นการหลีกเลี่ยงข้อครหา “สุดแสนจะคลาสสิค ของผู้ที่ไม่มีปัญญาจะหามุขไหนมาโจมตีผมอีกแล้ว”
ที่ผมมักโดนกล่าวหาจากผู้ที่ชอบใส่ร้ายว่า จิมมี่มันรับเงินบริษัทรถ ที่ผมต้องเผชิญอยู่เนืองๆ

เพราะ เจตนารมณ์ของผม ตั้งแต่เริ่มทำรีวิวครั้งแรก เมื่อราวๆปี 2001
มันกลายเป็น กฎเหล็กของ Headlightmag.com ของเราในวันนี้ คือ
“รีวิวที่ผมทำ ไม่ได้มีไว้ขายให้ใคร!”

ความจริงอีกข้อหนึ่งที่อยากให้คุณๆรับรู้เอาไว้ ก็คือ
หลังจากที่ รีวิว เทียนา ถูกนำเสนอออกไป
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นนั้น เป็นไปตามคาดคิด นั่นคือ มีทั้งเสียงยินดีปรีดา
ทั้งติชม และ แอบเอาไปต่อว่า ด่าทอผมเสียๆหายๆลับหลัง ของผู้ที่เสียผลประโยชน์
ซึ่งรู้สึกว่า จะมีหลายคนกันเลย

ข้อเท็จจริงก็คือ นิสสัน อยากให้ผมได้มีโอกาส รีวิวรถคันนี้ ก่อนใคร
มันเป็นกลยุทธ์การตลาด ที่นิสสัน ทั่วโลก เขามักจะใช้กัน
เวลาที่จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่แต่ละที สิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาคือ
ช่วงเวลาสร้างกระแส ก่อนเปิดตัวจริงๆ หรือช่วง Pre-Launch
ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองไปดูสารคดี การเตรียมเปิดตัว Nissan GT-R
ที่ National Geographic ทำ และนำมาฉายออกอากาศ เมื่อไม่นานมานี้
ทางอินเตอร์เน็ตดูครับ บนโต๊ะประชุมที่ Carlos Ghosn และ Simon
ผู้ช่วยของเขากำลังถกกันอย่างคร่ำเร่งนั้น Web Blog คืออีกช่องทางหนึ่ง ที่นิสสันทั่วโลก
มอง และให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น และนี่มันเป็นเรื่องปกติในวงการรถยนต์

แต่สิ่งที่ ไม่มีใครเขาทำกัน นั่นคือ
นิสสัน บ้านเรา กล้าปล่อยรถ Pre-Production มาให้ Headlightmag.com ของเราลองขับกัน
ชนิดถึงบ้าน เอามาค้างคืนกันได้เลย ทั้งที่รถยังไม่เปิดตัว ถึง 1 เดือน
อยากจะเล่นอะไร สับอะไร ทำไปเลยเต็มที่ ลุยไปเลย อย่าเอาไปทำพังก็พอ

และคนที่ปล่อยรถคันนี้ให้กับผมนั้น ไม่ใช่ฝ่ายพีอาร์

แต่เป็นฝ่ายการตลาดโดยตรงเลยต่างหาก

นั่นเป็นผลมาจาก การที่นิสสัน เห็นศักยภาพ ในการกระจายตัวของ
ฟอร์เวิร์ดเมล์ เมื่อครั้งที่ผมทำ รีวิว ทดลองขับ Nissan Navara ก่อนที่รถจะเปิดตัวไป 1 เดือนเต็มๆ
เช่นกัน กระแสของมันในตอนนั้น รุนแรงจนน่าตกใจ ผมเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน

และ เพราะเหตุนี้ ก็เลยมีใครบางคน อิจฉา…

ในครั้งนั้น ผมทำฟรีๆ ไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมาเลย จากใครหน้าไหนทั้งสิ้น
รายได้ต่างๆ ที่มีผู้หยิบยื่นให้คนอื่นนั้น ไม่มีตกมาถึงผมเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว
ที่ทำเพราะอยากทำ และครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมทำเพราะอยากทำ

แต่ในครั้งนี้ นิสสัน คิดและมองว่า จะให้ผมทำรีวิวให้ฟรีๆเลย อย่างที่ผมเคยทำนั้น
จะเป็นการ ไม่ให้เกียรติกับผมมากไป และกลายเป็นการใช้แรงงานกันฟรีๆ

ในวันที่ ทางทีมงานที่ดูแลส่วนงาน On-Line Media Planing ติดต่อมายังผม
ระหว่างที่ ขับรถไปเก็บเช็ค วางบิล ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะฯ กับคุณพ่อผม

เขาถามผมว่า “คุณจิมมี่ จะคิดค่าทำบทความ เป็นราคาเท่าไหร่”

ผมตอบกลับไป อย่างตรงไปตรงมา

“ขอโทษนะครับ คงต้องเรียนกันตามตรงว่า รีวิวที่ผมทำ ไม่ได้มีไว้ขาย ถ้าอยากจะช่วย
ก็ช่วยด้วยการลงโฆษณาในเว็บแทนจะดีกว่า “

และทาง ผู้ดูแล On-Line Media Planning คนนั้น ก็เข้าใจ และยินดีเจรจาให้นิสสัน
ลงโฆษณากับเราเป็นรายแรก มีรายละเอียดหลักฐาน เป็นเอกสารชัดเน และตรวจสอบได้
ว่า ไม่มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะใดๆทั้งสิ้น

แถมในช่วงเวลาที่ผ่านมา
เขายังให้การช่วยเหลือผมในเรื่องความรู้ต่างๆ
สำหรับการจัดการด้านเว็บไซต์ ให้ผม อีกด้วย
ซึ่งต้องขอบคุณเขามากๆ เพราะไม่เช่นนั้น ผมก็คงต้องงมโข่งเองกันต่อไปอีกนาน

ผมได้เพื่อนมาอีกคนนึงละ… ได้เพื่อน เพราะการที่เราตั้งมั่นในเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์และตรงไปตรงมาโคตรๆของเรานี่ละ 

เพราะเมื่อไหร่ที่คุณ ปล่อยให้รีวิว ที่คุณทำ ในฐานะงานศิลปะ กลายเป็นส่วนหนึ่งของข้อต่อรองในการเจรจาซื้อ-ขายโฆษณา
สุดท้ายแล้ว งานของคุณในสายตาของคนอ่านก็จะมีค่าไม่ต่างอะไรกับเศษกระดาษเปื้อนหมึก ที่ถูกฉีกออกมาจาก
นิตยสารบางเล่ม มีค่าพอเพียงแค่เอาไว้เช็ดขี้ ในกรณี กระดาษชำระในห้องส้วมนั้น มันหมดลงพอดี แค่นั้น

ดังนั้น ใครก็ตามที่พยายามจะทำให้ผู้คนหลงเชื่อไปตามลมปากเน่าๆของนว่า
รีวิวที่ผมทำนั้น เป็นเพราะไปรับเงินเขามา ก็คงต้องบอกว่า “สงสัย คงเสียผลประโยชน์จากที่ผมเคยทำให้ไปเยอะมั้ง”

เพราะตั้งแต่เริ่มทำรีวิวมาเองนี่ ผมว่า ผมน่าจะหมดเงินไปแล้วหลายหมื่นบาท อยู่ น่าจะเกือบถึงแสนบาทได้แล้วมั้ง
ถึงแม้จะเคยนับเล่นๆ คำนวนคร่าวๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ ผมทำเพื่อความอยากรู้ของตัวเอง ทำเพื่ออยากจะเห็นวงการนี้
มันมีอะไรที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ อยากเห็นผู้บริโภค ได้รับรู้ความจริงหลายๆด้าน ที่ไม่เคยรู้กัน และ ที่ผมคิด ก็มีเพียงแค่นั้น

ขนาดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ ฟอร์ด โฟกัส TDCi นั้น เมื่อผมเห็นว่าตัวเลขมันมีอะไรแปลกๆ ไม่น่าเป็นไปได้
ผมก็ยอมทำการทดลองซ้ำ อีกครั้งหนึ่ง นั่นหมายถึงผมต้องยอมเสียเวลาและเสียเงินเพิ่มเติมอีก 1 เท่าตัว
เพืยงเพื่อสนองตัณหาความอยากรู้ของตัวเอง น้อง แบงค์ น้องในทีมงาน The Coup ที่มาช่วยผมเมื่อวานนี้ ก็ได้เห็นกับตาตัวเองไปแล้ว

ก็ในเมื่อมีรถอยู่ในมือ อยากรู้อะไร ก็ต้องทดลองจนกว่าจะรู้ผลที่ตัวรถมันทำได้นั่นละครับ

ดังนั้น ไม่ต้องกลัวครับ รีวิวของ Headlightmag.com ไม่มีการเชลียร์เกินจริง หรือปิดบังอำพรางสิ่งที่ผมเห็นแต่ทำเป็นไม่พูดเอาไว้แน่ๆ

เพราะ หลายๆคนที่เคยคุยกับผม ก็คงจะพอรู้แล้วบ้างว่า ผมเป็นคนอย่างไร

แต่บางคนก็ดูจะรู้ดี ถึงขั้นกล้าอวดอ้างว่ารู้ดีกว่าใคร
นี่ถ้าไม่มีใครฉุดความคิดเขาไว้เสียบ้าง ก็คงจะหลงตัว
ผยองลำพองปาก พูดออกมาว่า รู้จักผมดีกว่าพ่อแม่ผมเองเสียอีก กระมัง

แถมยังทำเป็นรู้ดีถึงขนาดหาว่า ผมไปรับเงินบริษัทรถมาเขียนบทความรีวิว

ฟังแล้ว อยากหัวร่อ จนคางคกคลอดลูกออกมาเป็นตัว

ถ้าผมรับเงินจริง ป่านนี้ ผมคงต้องมีบ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด
ป่านนี้ ผมคงรวยพอจะเก็บตังค์ซื้อรถหรูๆแพงๆขับ
ไม่ต้องมาซื้อ ซิตี้ คันนี้ คันที่ผมชอบ
และผมเองก็คงจะเอาเงินเก็บที่ผมได้มานั้น
ซื้อนาฬิกาเรือนละเป็นแสน ใส่เล่นโก้ๆ ไปแล้วละ…

ยืนยันว่า ไม่เคยอิจฉาตาร้อน เพราะทุกวันนี้ ชีวิตผม มีความสุขดี
สุขจากสิ่งที่ได้ทำ สุขจากการได้เห็นรอยิ้มของคนรอบข้าง
ชีวิตที่รวยด้วยวัตถุแบบนั้น ไม่ใช่รูปแบบการใช้ชีวิตที่ผมต้องการจะมุ่งไปเลยแม้แต่น้อย

เราเป็นแค่สื่อเล็กๆหน้าใหม่ในวงการที่มีตัณหาอย่างแรงกล้าในการทำสิ่งใหม่ๆมากมาย ที่ไม่เคยมีโอกาสที่ไหนเปิดรับให้เราได้ทำครับ
สำหรับการทดลองรถแล้ว ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อในผลการทดสอบของคนอื่น เพราะถึงจะมีสื่อท่านอื่นทดสอบไปกี่ราย เราก็ยังคงกระหาย
ที่จะได้ลองขับด้วยตัวเองอยู่ดี แล้วถ้าลองขับเสร็จอุบอิบไว้เล่าให้พ่อให้แม่ฟัง แต่ไม่เคยแบ่งปันใคร แล้วเราจะขับไปทำไม
แล้วบริษัทรถเขาจะให้เรายืมรถมาขับทำไมถ้าขับเสร็จแล้วเก็บความรู้ที่มีไว้คนเดียว เขาจะได้ทราบไหมว่าอะไรที่เขาทำมาผิดพลาด
จุดไหนที่ปรับปรุงได้ หรือคำชมที่พวกเขาสมควรได้รับเมื่อรถที่ทำออกมานั้น สามารถแสดงสิ่งที่ดีๆออกมาได้อย่างน่าประทับใจ

พวกเราตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างสูงในฐานะผู้เล่นหน้าใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นอยู่แล้ว ลองคิดดูว่าสิ่งที่เราทำมาตลอดนั้น
มันน่าจะทำให้เราตายไปจากวงการแล้ว ทั้งการวิจารณ์ที่ขวานผ่าซาก การติในจุดที่ไม่มีใครติ การชมในสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ชื่นชม
การแสดงความเห็นที่แตกต่างออกไปจากมืออาชีพในวงการ นี่ไม่ใช่เรื่องกล้าหาญ แต่เอาเข้าจริง นี่เป็นวิธีการที่โง่ที่สุดสำหรับการ
แจ้งเกิดในวงการเพราะเอาความเสี่ยงทุกอย่างเข้าหาตัวเต็มๆ

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้เราอยู่มาทุกวันนี้ได้ มันก็คือสิ่งที่เราทำมาตลอดนั่นล่ะครับ
จะมีความเสี่ยงอีกมากมายที่เข้ามา นี่ยังถือว่าโชคดีที่กำลังใจที่เราได้รับมีมากกว่าเสียงก่นด่าหลายเท่านัก ไม่งั้นเว็บก็คงจะปิดไปแล้ว
เรามีทั้งคนธรรมดาที่วันหนึ่งจู่ๆก็เดินเข้ามาในชีวิตเรา และจากนั้นก็ไม่เคยไปไหนอีก เรามีทั้งคนที่เคยเกลียดเราเข้าไส้
ชนิดถ้ายิงทิ้งได้ก็ยิงไปแล้ว จากใน Pantip ห้องรัชดา แต่ในที่สุด เราต่างก็ยอมเข้าใจกันและกัน จนไปๆมาๆได้เพื่อนเพิ่มมาอีกคน
ดังนั้นคิดไปคิดมา สิ่งที่ทำให้เราอยู่ในวงการนี้ได้ มันคือการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ในฐานะ “เพื่อน ที่จริงใจต่อทุกคน”

ส่วนไหนที่ต้องตรง ต้องจริง คือตรง คำที่เราเขียนลงไปจะต้องทำให้หลายคนไม่ชอบหน้าเรา แต่จริงๆแล้วเราไม่มีอะไรขุ่นข้องหมองใจ
กับตัวคนโดยตรง องค์ประกอบของชีวิตคนและรถมันถูกรังสรรค์มาโดยสารพันสิ่งนับร้อยแปด การที่เราไม่ชอบอะไรสักอย่าง
แค่ 10 จาก 100 อย่างไม่ได้หมายความว่าเราต้องเกลียดมันทั้งหมด

ผมเชื่อว่าความเกลียด เป็นตัวทำให้ชีวิตไม่มีความสุข แน่นอน การเดินไปบนท้องถนนที่มีแต่คนยิ้มให้เราช่วยให้เรามีความสุข
มากกว่าการเดินไปท่ามกลางสายตาที่จ้องมองและติฉินนินทา แต่ถ้าหากสมมติว่าถนนสายนั้นมีร้อยคนรุมสาปแช่งเรา
แต่ในขณะเดียวกันก็มีเพื่อนที่เดินมากับเราร้อยคนเท่ากัน เราจะเดินไปบนถนนสายนั้นด้วยความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม

เราไม่ใช่นักทดสอบรถตัวจริงหรอกครับ

เราเป็นแค่พวกชอบลองของ ลองไปมาอย่างไรได้ผลอย่างไร ก็เอามาเล่าให้เพื่อนฟัง

พอดีว่า เรามีเพื่อน ที่เข้าใจ และสนับสนุนในสิ่งที่เราทำอยู่นี้ มันเยอะน่ะครับ
พวกเขา เข้ามาเยี่ยมเยียนเราแล้ว วันละตั้งแต่ 2,500 จนถึง 4,200 คนต่อวัน
เพียงเดือนแรก ก็ปาเข้าไป 340,000 กว่า Page View
และในเดือนนี้ ก็ล่อเข้าไป 364,000 กว่า Page View
และมันมีทีท่าว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
มันก็เลยช่วยไม่ได้ ด้วยประการฉะนี้

ผมเชื่อว่า คลื่น จะสูงแค่ไหน
ถ้าตราบใดที่กำลังใจอันแข็งแกร่งจากทุกคน ยังคงเป็นกำแพงหนา
คอยปกป้องผม และน้องๆ ทีม The Coup ของเรา เอาไว้อย่างนี้

ผมก็ไม่กลัว ใคร หน้าไหน อีกแล้วครับ!

 

 

 

(สำหรับผมแล้ว กำลังใจจากทุกคน สูงแค่ไหน…?
ก็ สูงไม่แพ้กันกับความสูงจากระดับน้ำทะเล ที่ผมนั่งอยู่นี่ละครับ
กำลังใจจากคุณๆ สูงมากขนาดนี้ ผมถึงยังคงนั่งอยู่ตรงนี้ได้ต่อไป
โดยไม่หวั่นวิตกต่อใครหน้าไหน ทั้งสิ้น ไงครับ (^_^)
 
——————————————///—————————————–
 
J!MMY
สงวนลิขสิทธิ์
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com
28 เมษายน 2009