ชื่อชั้นของ Ford Bronco อาจเป็นชื่อที่ห่างเหินสำหรับคนเล่นรถชาวไทย แต่สำหรับ
ชาวอเมริกันนั้นชื่อของ Bronco คือประวัติศาสตร์ที่ค่อนข้างหน้าจดจำเพราะมันเคย
เป็นตระกูลเอสยูวีความยาวฐานล้อสั้นแบบ 3 ประตูที่เคยต่อกรกับ Jeep CJ มาแล้ว
ตั้งแต่ปี 1966 และหลังจากนั้นก็ขยายขนาดเรื่อยมาจนกระทั่งยุติบทบาทในปี 1996
เพราะตลาดนิยมเอสยูวีแบบ 5 ประตูมากกว่า
แต่เชื่อลึก ๆ ว่า Ford Motor คงได้รับเสียงเรียกร้องจากฐานแฟนพันธุ์แท้ที่เคยครอบ
ครอง Ford Bronco และคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเอสยูวีที่ดูแตกต่างจากท้องตลาดมานาน
กว่า 8 ปี Ford จึงตัดสินใจเปิดตัวรถต้นแบบ Bronco Concept ในปี 2004 ด้วยแนวคิด
เอสยูวีทันสมัยที่ย้อนกลับไปตีความจาก Bronco เจเนเรชั่นแรก และจะเปลี่ยนมาใช้พื้น
ตัวถังแบบรถยนต์นั่ง CD2-Platform แต่สุดท้ายโปรเจคท์ New Born Bronco ก็ถูก
สลายไปกับสายลมจนกระทั่ง Ford สหรัฐอเมริกาประกาศข่าวดี..
พนักงานโรงงาน Ford แห่งมิชิแกน สหรัฐอเมริกาต่างก็ได้รับข่าวดีกันถ้วนหน้าในปี 2016
นั่นคือ Ford Motor ตัดสินใจจะขึ้นสายการผลิตเอสยูวีในตำนาน Bronco ในปี 2020
และ Ranger รุ่นใหม่ในปี 2018 ที่โรงงานมิชิแกนในเร็ว ๆ นี้ (พร้อมกับย้ายฐานการผลิต
Ford Focus ใหม่ไปยังโรงงานประเทศเม็กซิโกในปี 2018) นั่นก็ทำให้สหภาพแรงงานและ
พนักงานในโรงงานแห่งนั้นต่างใจชื้นว่าพวกเขาคงไม่มีทางตกงานในอนาคตข้างหน้า
และที่น่าดีใจมากกว่านั้นคือ Next Ford Bronco จะถูกพัฒนาโดยศูนย์วิจัยและพัฒนา
Ford แห่งเอเชีย-แปซิฟิกที่ตั้งอยู่ในประเทศออสเตรเลียถิ่นฐานผู้ให้กำเนิด Ranger และ
Everest รุ่นปัจจุบันนั่นเอง
เป้าหมายของ Next Ford Bronco คือการเกิดมาเพื่อท้าชน Jeep Wrangler ซึ่งก็
จะเปิดตัวในปี 2017 กันแล้ว โดยจะสร้างขึ้นบนพื้นแชสซีส์ Ford T6 รุ่นปรับปรุงใหม่
แต่จะหดฐานล้อให้สั้นลงเหมือนกับเจเนเรชั่นที่ผ่านมา
แต่ก็น่าคิดว่าการที่ Ford Motor มอบหมายให้ศูนย์พัฒนาประเทศออสเตรเลียรับ
ผิดชอบสร้าง Next Bronco ขึ้นมานั้น Bronco ใหม่ก็น่าจะมีแนวโน้มต้องทำตลาด
ในระดับโลกเหมือนกับ Ford Ranger และ Everest หรือไม่?
หาก Ford อนุมัติให้ Bronco เป็น Global Car จริง ก็มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะขึ้น
สายการผลิตที่ไทยเพื่อส่งออกไปยังตลาดออสเตรเลีย โดยวางตำแหน่งเป็นเอสยูวีขับ
เคลื่อนสี่ล้อทรงแวกอนมีราคาแทรกกลางระหว่าง Ford Edge ใหม่ (นำเข้าจาก
แคนาดาเพื่อมาแทนที่ Territory)และ Ford Everest (ที่วางราคาและตำแหน่ง
ไปแข่งกับ Toyota Prado) หรือสรุปให้เข้าใจคือ Next Bronco จะถูกกว่า Everest
ในตลาดออสเตรเลีย
ในเบื้องต้นคาดว่าน่าจะติดตั้งเครื่องดีเซล 4 สูบและ 5 สูบสำหรับตลาดเอเชีย-โอเชียเนีย
และแน่นอนว่าสำหรับตลาดสหรัฐอเมริกาจะต้องเครื่องยนต์ V6 เท่านั้น
ดีไซน์ขั้นสุดท้ายของ 2020 Ford Bronco จะมีดีไซน์ที่แตกต่างจาก Ford Everest
โดยได้แรงบันดาลใจจากรถต้นแบบ Ford Troller T4
Ford Bronco จะมีกำหนดการเปิดตัวในปี 2020 มีให้เลือกทั้งแบบ 2 ประตูและ
4 ประตูโดยวางตำแหน่งให้เป็นเอสยูวีที่มีความสามารถในการบุกตะลุยทางออฟโรด
ที่ดีที่สุดให้จงได้
ที่มา : Motoring