หากย้อนกลับไปยังปี 2010 Toyota เคยเชื่อมั่นว่ารถไฟฟ้าไม่ใช่คำตอบแห่งความ
เปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก แต่ Toyota เชื่อมั่นรถยนต์ Fuel Cell
คือจุดมุ่งหมายสุดท้ายที่บริษัทรถยนต์จะต้องก้าวเดินและในระหว่างนี้รถยนต์ Hybrid
จะเป็นรถยนต์ที่สามารถเชื่อมรอยต่อระหว่างสองยุคได้อย่างแนบเนียนที่สุด
แต่สุดท้าย เมื่อกาลเวลาและผลลัพธ์เปลี่ยนแปลงไป ก็ทำให้ Toyota ต้องเร่งปรับตัว
อย่างทันท่วงทีเพื่อมิให้ตกขอบในอุตสาหกรรมยานยนต์โลก
สำนักข่าว Nikkei รายงานว่า Toyota Motor เตรียมผลิตรถไฟฟ้าสำหรับตลาดแมส
ในปี 2020 โดยเป็นส่วนหนึ่งของสายการผลิตรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมนอกเหนือจาก
Hybrid และ Fuel Cell จนถึงขั้นต้องเร่งสร้างทีมวางแผนและพัฒนารถไฟฟ้าให้เร็ว
ที่สุดภายในช่วงปีใหม่ของปี 2017 โดย Toyota จะแสวงหาความร่วมมือภายในกลุ่ม
บริษัทเพื่อเร่งให้ขึ้นสายการผลิตเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ในเบื้องต้นรถไฟฟ้าจากค่าย Toyota จะมีระยะทางวิ่งสูงสุดมากกว่า 300 กิโลเมตร
ต่อการชาร์จประจุ 1 ครั้ง อาจจะใช้พื้นฐานของ Prius หรือไม่ก็ Corolla และกำลัง
พิจารณาที่จะพัฒนารถเอสยูวีไฟฟ้าด้วยเช่นกัน
Toyota วางแผนจัดซื้อแบตเตอรี่จากซัพพลายเออร์เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่
โดยยังคงสามารถตอบสนองด้านสมรรถนะที่ดี รวมถึงประสิทธิภาพในการชาร์จประจุ
และระยะทางวิ่งสูงสุด
จังหวะการเปิดตัวรถไฟฟ้า Toyota ในปี 2020 ถือเป็นจังหวะดีมากเพราะเป็นช่วงเวลา
ที่ประเทศญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬามวลมนุษยชาติ Tokyo Olympic 2020 พอดี
อันที่จริง Toyota ก็เคยมีประสบการณ์ในการผลิตรถไฟฟ้า Toyota Rav4 EV ที่พัฒนา
ร่วมกับ Tesla ในระหว่างปี 2012-2014 แต่ Toyota มองเห็นว่ารถไฟฟ้าไม่น่าจะกลาย
เป็นรถยนต์กระแสหลักได้ด้วยปัญหาราคาแบตเตอรี่ที่สูงและมีระยะทางวิ่งที่จำกัด Toyota
จึงหันไปพัฒนา Hybrid และ Fuel Cell แทน
แต่วันนี้หลายประเทศได้ออกกฎสนับสนุนให้ประชาชนหันมาซื้อรถไฟฟ้า ประกอบกับ
เทคโนโลยีแบตเตอรี่ก็ก้าวล้ำขึ้นจนสามารถขยายระยะทางวิ่งได้ไกลขึ้นและมีการขยาย
สถานีชาร์จประจุมากขึ้น ก็ทำให้ Toyota เริ่มเอนเอียงมาพัฒนารถไฟฟ้ามากขึ้น
ความเปลี่ยนแปลงของ Toyota ในครั้งนี้น่าจะเกิดจาก Volkswagen Group ได้หันเห
ทุ่มตลาดรถไฟฟ้าพร้อมตั้งเป้าจำหน่ายสัดส่วน 25% ของยอดขายรวมในปี 2025 รวมทั้ง
ผู้ผลิตรถไฟฟ้ารายอื่นอย่าง BYD ที่เริ่มขยายกำลังการผลิตรองรับความต้องการและ Tesla
ก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ
ที่มา : Nikkei