ปัญหาเพื่อนบ้านดูเหมือนจะพบเห็นได้ทุกหนแห่งทั่วโลก รวมไปถึงกรณีที่เราพูดถึงซึ่งเกิดขึ้นใน
Sussex ของประเทศอังกฤษระหว่างชายพิการนาม Charles Williams ผู้ดัดแปลงโรงรถของเขา
ให้สามารถรองรับรถยนต์ได้ 4 คันพร้อมกับมีลิฟท์ยกรถเอาไว้ซ่อมแซมรถยนต์ร่วมกับเพื่อนของ
เขาเป็นงานอดิเรก แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนบ้าน 2 รายจะไม่พอใจและนำเรื่องไปฟ้องศาลให้ปิดอู่

gallery-1476453287-download-42

ความขัดแย้งระหว่าง Williams และเพื่อนบ้านของเขาเริ่มขึ้นในปี 2014 เมื่อ Margaret Foulke
และ George Defrehn ยื่นฟ้องศาลให้มีคำสั่งปิดอู่ดังกล่าว เนื่องจากพวกเขาได้รับความเดือดร้อน
จากทั้งกลิ่นและเสียง รวมไปถึงปัญหาการจราจร นอกจากนี้ฝ่ายโจทก์ยังกล่าวหาฝ่ายจำเลยว่า
ดัดแปลงอาคารไม่ถูกต้องตามกฎ ทั้งยังไม่มีใบอนุญาตเปิดอู่อีกด้วย

vs0oalueksedaybdd7i0

ฝ่ายจำเลยอธิบายว่า หลังเขาประสบอุบัติเหตุจากการก่อสร้างในปี 1993 เขาจึงแบ่งที่ของเขา
ขายให้กับ Foulke ในปี 2007 เพื่อนำเงินสร้างอู่ เนื่องจากเขาชอบบำรุงรักษารถยนต์ทั้งยังมี
เพื่อนมากมายที่สนใจในเรื่องเดียวกัน อู่แห่งนี้จึงใช้เป็นพื้นที่สำหรับพบปะของคนคอเดียวกัน
รวมไปถึงใช้เป็นพื้นที่ในการซ่อมบำรุงรถยนต์ของแต่ละคน ซึ่ง Williams ยืนยันว่าเขาไม่เคย
เก็บเงินคนที่มาใช้พื้นที่ของอู่เขาเลย ทำให้สิ่งที่เขาทำเป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น ไม่ใช่การ
เปิดธุรกิจซ่อมรถ

htv04l5m7ihrrzbth7oa

เมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ พวกเขาก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายดังที่โจทก์กล่าวหา หน่วยงานการวาง
ผังเมืองยังกล่าวด้วยซ้ำว่าเขตดังกล่าว สามารถทำเป็นอู่ได้โดยไม่ผิดกฎหมายใดๆ ฝ่าย Williams
เองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ โดยยื่นเรื่องต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอใบอนุญาตเปิดอู่ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ทราบว่านี่
เป็นเพียงงานอดิเรก จึงไม่อนุมัติคำขอดังกล่าว ทั้งยังอนุญาตให้ Williams ทำกิจกรรมต่อไปดัง
ที่เคยทำมา

Charles1

ต่อมาในปี 2016 ศาลได้ตัดสินว่า Williams ไม่มีความผิดเนื่องจากสิ่งที่เขาทำเป็นงานอดิเรกที่
ไม่ผิดอะไร ส่วนความรำคาญตามที่ฝ่ายโจทก์ว่านั้นเป็นเรื่องที่ยอมความกันได้ แต่ในเรื่องข้อหา
ดัดแปลงอาคารยังคงอยู่ในระหว่างการพิจารณา และถ้าศาลตัดสินว่าผิดจริง จำเลยอาจถูกปรับ
เป็นมูลค่าสูงถึง 200,000 ดอลล่าร์สหรัฐหรือราว 7,067,000 บาท โดยคำนวณตามวันที่มีการ
ใช้อาคารดังกล่าวในอัตราวันละ 100 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 3,500 บาท

ฝ่ายโจทก์ได้เสียเงินไปกว่า 50,000 ดอลล่าร์สหรัฐหรือราว 1,766,000 บาท ในการฟ้องจำเลย
ผู้ที่เสียเงินค่าดำเนินการทางกฎหมายไปแล้วราว 30,000 ดอลล่าร์สหรัฐหรือราว 1,060,000 บาท
แต่มีการระดมทุนจากหลายฝ่ายเพื่อช่วย Williams ซึ่งตอนนี้มียอดสูงกว่า 52,900 ดอลล่าร์สหรัฐ
หรือราว 1,869,000 บาทแล้ว อย่างไรก็ตาม เรื่องราวดูเหมือนจะไม่จบง่ายๆ เมื่อฝ่ายโจทย์กล่าวว่า
พวกเขาจะขออุทธรณ์หากศาลตัดสินให้ Williams พ้นผิด และบทสรุปจะเป็นอย่างไรนั้นต้องติดตาม
กันต่อไป

 

ที่มา : jalopnik, roadandtrack