สิ้นสุดการรอคอยเสียทีสำหรับ BMW 5-Series รุ่นล่าสุด ซึ่งถือว่าเป็นลำดับที่ 7 ในตระกูล
5-Series ที่เปิดผ้าคลุมเเล้ว พร้อมเปลี่ยนมาใช้รหัสตัวถัง G30 ถึงงานออกจะถูกวิจารณ์ว่า
คล้ายคลึงกับรุ่นเดิมอยู่บ้าง แต่มีลูกเล่นมากมายเพิ่มเข้ามา รวมไปถึงขนาดของตัวถังที่โตขึ้น
ในทุกมิติ ดังรายละเอียดในตารางข้างล่างนี้
มิติตัวถังของ The New 5-Series G30 : 4,935 x 1,868 x 1,466 มิลลิเมตร
(ยาวขึ้น 36 มิลลิเมตร, กว้างขึ้น 6 มิลลิเมตร, สูงขึ้น 2 มิลลิเมตร) เมื่อเทียบกับ F10
ระยะฐานล้อ : 2,975 มิลลิเมตร (ยาวขึ้นกว่า F10 อยู่ 7 มิลลิเมตร)
ระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า / คู่หลัง : 1,605 / 1,630 มิลลิเมตร
(กว้างกว่ารุ่นเดิม 5 มิลลิเมตร / 3 มิลลิเมตร)
โครงสร้างพื้นฐานเป็นแบบ Cluster Architecture หรือ CLAR ที่มีจุดเด่นเรื่องน้ำหนักเบากว่าเดิม
ถึง 100 กิโลกรัม เป็นผลมาจากการผสมผสานวัสดุหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นไททาเนียม, แมกนีเซียม
และ อลูมิเนียม (ไม่ใช่ Carbon Core เหมือนอย่าง 7-Series เนื่องจากต้องควบคุมต้นทุนการผลิต
ไม่ให้กระทบกับราคาขายที่สูงเกินไป) สำหรับงานออกแบบตัวถังภายนอก มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน
เพียง 0.22 ( cd = 0.22 ) ตัวเลขที่ต่ำขนาดนี้ ส่วนหนึ่งมาจากกระจังหน้า Active Air Stream Kidney
ซึ่งสามารถ เปิด-ปิด เพื่อรีดลม และ ให้อากาศเข้าไประบายความร้อนในเครื่องยนต์ได้
ทุกรุ่นมาพร้อมกับไฟหน้า และ ไฟท้าย LED โดยที่ด้านหน้าจะเป็นแบบ Adaptive LED Headlights
with BMW Selective Beam ที่สามารถส่องระยะไกลได้ถึง 500 เมตร ด้านข้างมีการนำ “hockey stick”
หรือ เส้นสายตัวถังบริเวณชายประตูด้านล่างแบบเดียวกับที่มีใน 7-Series มาประยุกต์ใช้อีกด้วย ล้อมีขนาด
ตั้งแต่ 17-20 นิ้ว
สำหรับเหตุผลที่หน้าตาไม่ได้ฉีกออกมาจากรุ่นเดิมมากนั้น Johann Kistler หัวหน้าโปรเจคให้สัมภาษณ์
ว่าการออกแบบของ G30 มาจากความคิดเห็นของลูกค้า F10 จำนวน 2.1 ล้านคนนั่นเอง จึงทำให้ยัง
คงเส้นสายเดิมๆเอาไว้
ด้วยเหตุที่มิติตัวถังเพิ่มขึ้น ห้องโดยสารจึงกว้างขวางขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะด้านหลังที่มีพื้นที่วางขา
หรือ Leg room และ พื้นที่เหนือศีรษะ หรือ Head room มากกว่ารุ่นเดิม นอกจากนี้เบาะนั่งด้านหลัง
ยังออกแบบมาให้รองรับกับผู้โดยสารผู้ใหญ่นั่งกันได้ 3 คน เนื่องจากตรงกลางของเบาะหลัง ถูกออกแบบ
มาให้นั่งสบายขึ้น พื้นที่บรรทุกสัมภาระยังเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมอีก 10 ลิตร รวมเป็น 530 ลิตรอีกด้วย
งานออกแบบภายในห้องโดยสารได้กลิ่นอายจาก 7-Series ไม่น้อยเลย ทั้งยังมีการเพิ่มอุปกรณ์
มากมายไม่ว่าจะเป็น Head up display แบบสี multicolour ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม 70%, หน้าจอ
สัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว, ระบบควบคุมด้วยการโบกมือแบบไม่ต้องสัมผัส หรือ Gesture control,
ระบบสั่งการด้วยเสียงอัจฉริยะ, การชาร์จแบบไร้สาย Wireless charging และ เบาะนั่งพร้อมระบบ
นวด Massage 8 โปรแกรม
นอกจากนี้ยังสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารด้วย ระบบน้ำหอมปรับอากาศ Ambient Air package,
ระบบไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Lighting 6 สี 11 รูปแบบ, ระบบเสียง Bowers & Wilkins 16 ลำโพง
หรือ ระบบเสียง Harman Kardon 16 ลำโพง
ขุมพลังมีให้เลือกหลายรุ่นตามความต้องการ ซึ่งรายละเอียด มีดังต่อไปนี้
– 530i
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร Twin Power Turbo กำลังสูงสุด
252 แรงม้า ที่ 5,200 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,450 – 4,800
รอบ/นาที ปล่อย CO2 ที่ 126 กรัม/กิโลเมตร
– 540i / 540i xDrive
เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร TwinPower Turbo กำลังสูงสุด
340 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,380 – 5,200
รอบ/นาที ปล่อย CO2 ที่ 150 กรัม/กิโลเมตร (156 กรัม/กิโลเมตร สำหรับรุ่น xDrive)
(รถสีเทา ป้าย 6342 : รุ่น 540i / 540i xDrive)
– 520d
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร TwinPower Turbo กำลังสูงสุด
190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500
รอบ/นาที จับคู่กับ เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ปล่อย CO2
ที่ 107 กรัม/กิโลเมตร
(รถสีขาว ป้าย 4139 : รุ่น 520d)
– 530d
เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร TwinPower Turbo กำลังสูงสุด
265 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 2,500
รอบ/นาที ปล่อย CO2 ที่ 118 กรัม/กิโลเมตร
(รถสีน้ำเงิน ป้าย 6343 : รุ่น 530d/530d xDrive)
– 530e iPerformance
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า eDrive เมื่อทำงานร่วมกัน
รวมพละกำลังได้ 252 แรงม้า ปล่อย CO2 ที่ 46 กรัม/กิโลเมตร ทำความเร็วสูงสุด
ใน all-electric mode ได้ถึง 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง
(รถสีเงิน ป้าย 4103 : รุ่น 530e iPerformance)
– M550i xDrive
เครื่องยนต์เบนซิน V8 กำลังสูงสุด 462 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร
ปล่อย CO2 ที่ 204 กรัม/กิโลเมตร
(รถสีน้ำเงิน ป้าย 5601 : รุ่น M550i xDrive)
สำหรับระบบความปลอดภัยที่น่าสนใจประกอบไปด้วย ระบบขับขี่อัตโนมัติที่สามารถอยู่ในเลนเดียว
ทำความเร็วได้สูงถึง 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ ยังสามารถเปลี่ยนเลนเพื่อแซงรถคันอื่นพร้อมกับ
เปิดไฟเลี้ยวได้ หากทำความเร็วในช่วง 70-180 กิโลเมตร/ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีระบบ Car To X
ซึ่งเป็นระบบเชื่อมต่อรถยนต์คันนี้เข้ากับคันอื่นๆเพื่อแจ้งเตือนสภาวะที่เป็นอันตรายต่อการขับขี่
ตัวอย่างเช่น หมอกลงจัด จนต้องเปิดไฟตัดหมอก G30 คันนี้ก็จะแจ้งเตือนไปยังรถยนต์คันอื่นๆด้วยว่า
ทางข้างหน้ามีสภาวะการขับขี่เป็นอันตรายต่อการขับขี่ สำหรับลูกเล่นอื่นๆที่น่าสนใจ ประกอบไปด้วย
Remote Control Parking หรือ กุญแจรถยนต์ที่สามารถสั่งให้รถยนต์เดินหน้า-ถอยหลัง จากนอกรถ
ได้ด้วยการกดปุ่ม
นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยเหลือการขับขี่ – ระบบความปลอดภัย อีกหลายรายการ เช่น
– ระบบพวงมาลัย Integral Active Steering
– ระบบควบคุมความเร็ว Active Cruise Control
– โหมดการขับขี่ Comfort, Sport, ECO PRO, optionally, Adaptive
– ระบบตรวจจับวัตถุรอบรถ State-of-the-art driver assistance
– ระบบเตือนการจราจร Hazard preview (car-to-car communication)
– ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร Lane Keeping Assistant
– ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร Lane Departure Warning
– ระบบช่วยเหลือ เมื่อรถเปลี่ยนช่องจราจร Lane Change Assistant
– ระบบพวงมาลัยกึ่งอัตโนมัติ Automated steering
– ระบบเตือนการชน Collision Warning (Active Protection)
2017 BMW 5-Series G30 มีระดับการตกแต่งรุ่นย่อย 3 ระดับด้วยกัน ประกอบไปด้วย Sport Line,
Luxury Line, และ M Sport Package สำหรับกำหนดการออกจำหน่ายจะอยู่ในเดือนกุมภาพันธ์
2017 พร้อมกับ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน 2017 Detroit Motor Show ก่อนที่ตัวถัง Touring
และ GT จะตามมาในภายหลัง
Product Video Presentation อธิบายตั้งแต่งานออกแบบ ถึง เทคโนโลยีใหม่
ใน The All-New 2017 BMW 5-Series (G30)