เหตุผลสำคัญที่ทำให้เครื่องดีเซลจะกลายเป็นวัตถุโบราณในไม่ช้า เพราะนอกจากยัง
หาหนทางที่จะลดค่าไอเสีย Nox ได้ยากลำบากแล้ว เครื่องดีเซลก็มีต้นทุนการพัฒนา
และผลิตสูงเกินไปสำหรับวันนี้แล้ว
ปัญหานี้กำลังจะกลายเป็นปัญหาหลักของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่
ผู้ผลิตรถยนต์ที่ลงหลักปักฐานในตลาดอินเดียอย่าง Maruti Suzuki, Toyota, Tata
และ Honda ก็กำลังพิจารณาว่าจะยุติการทำตลาดเครื่องยนต์ดีเซลหรือยังไงต่อกันดี?
เนื่องจากรัฐบาลอินเดียเตรียมใช้มาตรการรักษาสิ่งแวดล้อมภายใต้กฎ BS (Bharat Stage)
VI แทนที่มาตรการ BS IV ที่ใช้ในปัจจุบันเพื่อบรรเทาปัญหามลภาวะในเขตเมือง ด้วย
ระเบียบสุดโหดมาก ๆ ตั้งแต่การลดค่าฝุ่นละอองให้น้อยลง 82% การลดค่าไอเสียก๊าซ
ไนโตรเจน ออกไซด์ลงจากเดิม 68% สำหรับรถยนต์นั่งทั่วไป แต่ถ้าเป็นรถจักรยานยนต์
สองล้อก็จะต้องลดค่าฝุ่นละอองให้น้อยลง 89% และลดค่าไอเสียก๊าซไนโตรเจน ออกไซด์
ลงถึง 76% หากเป็นรถบรรทุกก็ต้องลดค่าฝุ่นละอองลง 50% และลดค่าไอเสียก๊าซไนโตรเจน
ออกไซด์ลง 89%
ด้วยมาตรการสุดโหดระดับพระกาฬเช่นนี้ก็อาจทำให้ Maruti Suzuki กำลังประเมิน
สถานการณ์แล้วว่า เครื่องยนต์ดีเซล 800 ซีซีที่ติดตั้งใน Suzuki Celerio อาจไม่รอด
เงื้อมมือกฏนี้จนต้องอัปเปหิเครื่องตัวนี้ออกจากตลาดไป
ที่สำคัญ Toyota Motor ถึงขั้นต้องยุบแผนนำเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร GDI สำหรับ
Vios ที่จะเตรียมเปิดตัวในตลาดอินเดียทันทีรวมถึง Honda Motor ก็ต้องระงับแผน
การพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล 3 สูบ 1.2 ลิตรสำหรับรถขนาดเล็กด้วยเช่นกัน
Tata Motor แบรนด์รถยนต์ท้องถิ่นก็ถึงขั้นพักโปรเจคท์เครื่องยนต์ดีเซล 1.2 ลิตรและ
1.6 ลิตรทันทีที่ออกข่าว
ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์แสดงความคิดเห็นว่าการผลิตเครื่องยนต์
ดีเซลสำหรับรถขนาดเล็กหลังจากออกมาตรการ BS VI น่าจะวูบลง แต่เครื่องดีเซล
ก็ยังคงเป็นหัวใจหลักของตลาดรถยนต์เอสยูวีและซีดานขนาดใหญ่กว่า เนื่องจาก
เครื่องดีเซลก็ยังเข้ากฎอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเกณฑ์เฉลี่ยที่ดีกว่าเครื่องยนต์เบนซินอยู่ดี
ขณะเดียวกัน Toyota ยังเดิมพันตลาดรถยนต์ Hybrid ในอินเดีย ถึงขั้นพิจารณาแผน
การเปิดตัว Corolla Hybrid ในอินเดีย และก็ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้
ของ Vios Hybrid
สำหรับข้อมูลเบื้องต้นของ Toyota Vios Hybrid ยังไม่มีข่าวคราวที่ชัดเจนมากนัก
แต่หากข่าวนี้เป็นจริง เราน่าจะได้เห็น Vios Hybrid หลังปี 2018 เป็นต้นไป
ที่มา : indiatimes