เราเชื่อว่าคุณผู้อ่านชาว Headlightmag.com ทุกท่านคงกุลีกุจอกดคลิกหัวข้อข่าวนี้อย่างตกตะลึงและไม่เชื่อในสายตาตัวเองว่า Ford Ranger จะถึงจุดจบได้อย่างไรกัน? เพราะเมื่อไม่กี่สัปดาห์ Ford Motor ก็เพิ่งเปิดตัว All New Ranger ไปหยก ๆ และเพิ่งเปิดประกาศรับจองในงาน Motor Expo 2011 แล้วมันหมายความว่าอย่างไร?
ก่อนที่ผู้อ่านจะตกใจไปมากกว่านี้ เราขอยืนยันว่าน่าตกตะลึงชิ้นนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และไม่เกี่ยวข้องกับแผนการเปิดตัว All New Ford Ranger รหัสพัฒนา T6 แต่อย่างใด เราขอให้ผู้อ่านสูดลมหายใจลึก ๆ และตั้งสติให้ดีกันอีกครั้ง
ข่าวล่าสุดอย่างเป็นทางการจาก Ford Motor เป็นที่น่าเศร้าว่าโรงงาน St. Paul Minnessota จะหยุดสายการผลิต Ford Ranger ภายในวันที่ 22 ธันวาคม 2011 อันเป็นการยุติชีวิต Ranger ในตลาดสหรัฐอเมริกาที่มีลมหายใจยาวนานเกือบ 30 ปี รวมทั้งมีความเป็นไปได้สูงมากว่าอาจจะต้องปิดโรงงานแห่งประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัย Henry Ford ได้ริเริ่มผลิตรถยนต์ขึ้นมาครั้งแรก
Ford Ranger เจเนเรชั่นแรกกำเนิดขึ้นในปี 1982 เพื่อเป็นรถกระบะขนาดเล็กที่มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดดเด่น แต่ยังคงคุณลักษณะการบรรทุกหนักไม่แตกต่างจาก F-Series มากนัก ช่วงที่ Ford Ranger สามารถเก็บเกี่ยวยอดขายในจุดพีคสุดยอดคือช่วงกลางยุค 90 แต่พอขึ้นสหัสวรรษใหม่เป็นต้นมายอดขายรถกระบะ Ford Ranger นับวันยิ่งสาละวันเตี้ยลงจนแทบจะฉุดรั้งความตกต่ำไว้ไม่อยู่
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ Ford Ranger ในระยะหลังไม่ประสบความสำเร็จเอาเสียเลย ก็เพราะนับวันรถกระบะขนาดคอมแพคท์ (หรือ 1 ตันในบ้านเรา) เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้จุดยืนรถกระบะขนาดเล็กหายไปหมด ไม่ว่าจะเป็นอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่แย่กว่าเดิมมากและราคาจำหน่ายแทบไม่แตกต่างจากกระบะ Full Size ชื่อดังรุ่น F-150 เลยแม้แต่น้อย
เมื่อเราตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับไปยังสมัยที่ตลาดรถกระบะคอมแพคท์ในสหรัฐอเมริการุ่งเรืองสุด ๆ ในปี 1994 ก็พบว่ามียอดขายรวมกันทั้งตลาดมากถึง 1.2 ล้านคัน โดย Ford Ranger มีส่วนแบ่งการตลาดราว 1 ใน 4 ก็เพราะตัวรถดึงดูดลูกค้าผู้ชายที่ชอบดีไซน์ดูแมน ๆ และการขับขี่ที่มีชีวิตชีวา แต่ ณ วันนี้ตลาดรถกระบะคอมแพคท์ในสหรัฐอเมริกาน่าจะมียอดขายหดเหลือแค่เพียง 297,000 คันเท่านั้นในปีนี้
หลายฝ่ายก็วิเคราะห์ว่าหาก Ford ต้องการผลักดัน Ranger ให้กลับมาในตลาดอีกครั้งก็ต้องเปลี่ยนโฉมตัวถังใหม่หมดเพราะรุ่นปัจจุบันที่วางจำหน่ายอยู่นั้นแทบไม่แตกต่างจาก Ford Ranger รุ่นปี 1996, การตั้งราคา Ford Ranger ก็มีปัญหามากเช่นกันเพราะรุ่นบนสุดของ Ford Ranger ถูกกว่ารุ่นล่างสุดของ Ford F-150 แค่เพียง 600 ดอลลาร์เท่านั้น
และปัญหาโลกแตกที่ทำให้ผู้ผลิตรถกระบะคอมแพคท์ทุกค่ายต้องปวดหัวก็คือ อัตราสิ้นเปลืองในรถกระบะกลุ่มนี้แย่ลงกว่าสมัยก่อน ขณะเดียวกันรถกระบะขนาด Full Size กลับพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ให้มีอัตราสิ้นเปลืองที่ดีใกล้เคียงกับรถกระบะที่มีขนาดเล็กกว่าได้แล้ว เมื่อประจวบกับเหตุการณ์ราคาน้ำมันผันผวนอย่างรุนแรงในปี 2008 ทำให้ผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น เมื่อยิ่งคิดลึกลงไปในอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของกลุ่มตลาดรถกระบะคอมแพคท์ ผู้บริโภคก็ยิ่งเปลี่ยนความคิดหันไปหารถกระบะขนาดใหญ่ขึ้นแทบทั้งนั้น
ช่วงเวลานั้นถือเป็นจุดตกต่ำขั้นขีดสุดของตลาดกระบะคอมแพคท์ในสหรัฐอเมริกาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดขายรถกระบะคอมแพคท์ระหว่างปี 2007-2009 ลดลงเกือบครึ่งหนึ่งของตลาดเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม Ford Motor ก็ยังดำเนินกลยุทธ์รถกระบะ All New Ford Ranger นอกตลาดสหรัฐอเมริกาไม่มีเปลี่ยนแปลง โดยมีฐานการผลิตหลักในประเทศไทย, แอฟริกาใต้และอเมริกาใต้