คุณผู้อ่านหลายคนคงคาดหวังอยากให้ Honda ลุกขึ้นมาขยับตัวด้านเทคโนโลยีครั้งยิ่งใหญ่กับเขาบ้าง เพราะรถยนต์เจเนเรชั่นใหม่นี้ไม่มีความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีหรือมีอะไรให้ตื่นเต้นบ้างเลยในระยะเวลานี้ แต่ล่าสุด Honda ก็พร้อมลุกขึ้นประกาศตัวเทคโนโลยีเครื่องยนต์ฉีดเชื้อเพลิงตรงใหม่ “Earth Dreams Technology” เหมือนกับคู่แข่งพร้อมทั้งระบบขับเคลื่อนทั้งหมดภายใต้แนวคิดเทคโนโลยีใหม่

Honda Motor ประกาศเทคโนโลยีระบบส่งกำลังยุคใหม่ “Earth Dreams Technology” อันเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะและอัตราสิ้นเปลืองอันยอดเยี่ยมโดยยังคงรักษาการขับขี่ที่สนุกสนานแบบฉบับ Honda

Honda ตั้งเป้าหมายขึ้นแท่นรถยนต์ที่มีอัตราสิ้นเปลืองที่ดีระดับต้น ๆ ในแต่ละกลุ่มตลาด ภายในปี 2020 จะสามารถลดอัตราก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงเฉลี่ย 30%

สาระสำคัญของเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน “Earth Dreams Technology” มีดังต่อไปนี้

1.เครื่องยนต์เบนซินต้องมีสมรรถนะและอัตราสิ้นเปลืองระดับหัวแถว

-เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ VTEC ดั้งเดิมด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายความร้อนและลดการฝืดเคืองชิ้นส่วนเครื่องยนต์  ส่งผลให้มีกำลังสูงและประหยัดน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่สามารถขยายขีดการพัฒนาได้ โดยมี Honda N Box เป็นรถยนต์คันแรกที่ได้ใช้แนวคิดเทคโนโลยี “Earth Dreams Technology”

การปรับปรุงเครื่องยนต์ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยี “Earth Dreams Technology” ไล่ตั้งแต่เครื่องยนต์ 660 ซีซี, 1.3 ลิตร, 1.5 ลิตร, 1.8 ลิตร, 2.0 ลิตร, 2.4 ลิตรและ 3.5 ลิตร

-เครื่องยนต์ 660 ซีซีที่วางใน Honda N Box จะเป็นแบบบล๊อก DOHC และเสริมเทคโนโลยี VTC (Variable Timing Control)  ขนาดเครื่องเล็กลง น้ำหนักเบาลง 15% และประหยัดน้ำมันขึ้น 10%

-เครื่องยนต์ 1.3 ลิตรและ 1.5 ลิตร ติดตั้งเทคโนโลยีเสริม VTC (Variable Timing Control) และหัวฉีดเชื้อเพลิงตรงหรือ Direct Injection ที่คุ้นเคยกัน พร้อมการทำงานลูกสูบแบบ Atkinson บนพื้นฐานเครื่องบล๊อก DOHC และ VTEC

-เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรและ 2.0 ลิตร ติดตั้งหัวฉีดเชื้อเพลิงตรงหรือ Direct Injection พร้อมการทำงานลูกสูบแบบ Atkinson บนพื้นฐานเครื่องบล๊อก DOHC และ VTEC เสริมเทคโนโลยี VTC (Variable Timing Control) และ EGR ประจุสูงช่วยให้พอร์ตไอดีและไอเสียลดการฝืดเคือง

สำหรับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Hybrid จะมีปั๊มน้ำไฟฟ้าไม่ต้องใช้สายพานและติดตั้งเทคโนโลยีเสริม VTC (Variable Timing Control)

-เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ติดตั้งหัวฉีดเชื้อเพลิงตรงหรือ Direct Injection พร้อม บนพื้นฐานเครื่องบล๊อก DOHC และ VTEC เสริมเทคโนโลยี VTC (Variable Timing Control) ถูกออกแบบภายในให้ลดการฝืดเคือง ประหยัดน้ำมันขึ้น 5% แรงขึ้น 10% ในย่านแรงบิดสูงสุดเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์บล๊อกเดิม

-เครื่องยนต์ 3.5 ลิตร ติดตั้งกลไกวาล์วใหม่, หัวฉีดเชื้อเพลิงตรงบนพื้นฐานเครื่องบล๊อก SOHC, VTEC และระบบ VMC ประหยัดน้ำมันขึ้น 10% แรงขึ้น 5%

2.เครื่องยนต์ดีเซลต้องมีน้ำหนักเบาที่สุด, มีอัตราเร่งและอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงระดับหัวแถว

-เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้และกำลังอัด เน้นน้ำหนักเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตรให้เบาในระดับหัวแถว

-ลดขนาดเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร ลดการฝืดเคืองภายในชิ้นส่วน, ลดระดับแรงเสียดทานให้ใกล้เคียงกับเครื่องยนต์เบนซิน

-ปรับปรุงการระบายความร้อนเครื่องช่วยทำให้ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 15%

-ขนาดเครื่องกะทัดรัด, ติดตั้งเทอร์โบชาร์จ, ลดน้ำหนักลงเพื่อการขับขี่ที่สปอร์ต

3.เกียร์ CVT มอบทั้งความสนุกและอัตราสิ้นเปลืองอันยอดเยี่ยม

-แบ่งออกเป็นเกียร์ CVT ใหม่หมดจด 3 ชุด ได้แก่สำหรับรถเคคาร์, คอมแพคท์ และรถขนาดกลางใหม่ รองรับกำลังส่งที่แตกต่างกัน เสริมเข็มขัดรัดโครงสร้างช่วยขยายอัตราทดเกียร์ได้ตามที่ต้องการ มีเทคโนโลยีวิเคราะห์เหนือสายพานและพูเล่ย์และระบบควบคุมไฮโดรลิคความแม่นยำสูงช่วยให้มีแรงดันลูกรอกอย่างต่อเนื่องภายใต้ความหลากหลายของสภาวะการขับขี่ พร้อมทั้งใช้ปั๊มน้ำมันไฟฟ้าควบคู่กับระบบ idle stop

นอกจากนี้ยังตมีระบบ G-Design Shift ระบบประสานการทำงานตั้งแต่การเปลี่ยนเกียร์, เหยียบคันเร่ง และระบไฮดรอลิคที่เกี่ยวข้องช่วยทำให้กาตอบสนองทันอกทันใจให้อารมณ์สปอร์ต

-เกียร์สำหรับรถเคคาร์เน้นขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ลดความซับซ้อนของโครงสร้าง, เกียร์สำหรับรถคอมแพคท์และรถขนาดใหญ่ ลดขนาดและน้ำหนัก ขยายระยะทดเกียร์ ช่วยให้มีอัตราสิ้นเปลืองดีขึ้น 5% และ 10% ตามลำดับเมื่อเทียบกับเกียร์ CVT ทั่วไปและเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ

4.มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวสำหรับระบบ Hybrid ช่วยให้มีอัตราสิ้นเปลืองดีระดับยอดเยี่ยม

Honda เคลมว่ามอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวลูกใหม่สำหรับติดตั้งในระบบ Hybrid เป็นสุดยอดในคลาส มอบทั้งประสิทธิภาพและช่วยลดมลภาวะได้ดี จับคุ่กับแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนพิเศษ รองรับการเสียบประจุผ่านสายชาร์จ (Plug-in) แน่นอนว่าข้าวของต่าง ๆ เหล่านี้จะถูกนำไปติดตั้งกับรถยนต์ Honda Plug-in Hybrid ในปี 2012 และระบบ Hybrid ทั่วไปในปี 2013

รองรับการขับขี่ 3 โหมดที่มีประสิทธิภาพระดับหัวแถว ได้แก่ โหมดรถไฟฟ้า, โหมด Hybrid และโหมดเครื่องยนต์สำหรับการวิ่งความเร็วสูง

Honda เปิดเผยว่าระบบส่งกำลัง Hybrid ทั้งระบบจะมีพละกำลัง 150 กิโลวัตต์หรือ 200 แรงม้า เราก็คาดว่าน่าจะเป็นขุมพลังของ All New Honda Accord Hybrid ในเดือนสิงหาคม 2012

5.ระบบขับเคลื่อน SH-AWD ไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ Hybrid มีประสิทธิภาพสูง อัตราสิ้นเปลืองดี

ระบบ Hybrid ที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า SH-AWD เหมาะสำหรับรถรุ่นใหญ่เป็นพิเศษ ผนวกเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังเหมือนเครื่องยนต์ V8 แต่ประหยัดเหมือนเครื่องยนต์ 4 สูบ  จุดเด่นก็คือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าอิสระแยกซ้ายขวาที่ล้อคู่หลังรวมกัน 20 กิโลวัตต์ จับคู่เกียร์ Dual Clutch 7 จังหวะ

ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธี่ยมชนิดพิเศษไว้บริเวณด้านหน้าและด้านท้าย ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าหลักจะติดตั้งบริเวณด้านหลัง

6.ระบบไฟฟ้ามีขนาดกะทัดรัด, ประสิทธิภาพสูงสุด

ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง, ระบบเกียร์ที่ลดแรงเสียดทานและเบรคเซอร์โซไฟฟ้า โดย Honda เคลมว่าเป็นระบบไฟฟ้าที่กินประจุไฟฟ้าดีที่สุดระดับ 29 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อ 100 ไมล์ มีระยะทางวิ่งสูงสุด 123 ไมล์ตามมาตรฐาน LA-4Mode หรือ 210 กิโลเมตรตามมาตรฐาน JC08 สามารถชาร์จประจุไฟฟ้า 240 โวลต์จากคายประจุต่ำสุดจนถึงเต็มประจุภายในไม่ถึง 3 ชั่วโมง พร้อมโหมดการขับขี่ สปอร์ต, ธรรมดา, ECON

เทคโนโลยี “Earth Dreams Technology” จะถูกนำมาใช้ภายใน 3 ปีข้างหน้าครับ