หลังจากเปิดเผยตัว All New Honda CR-V เจเนเรชั่นที่ 4 ภายในงาน LA Autoshow 2011 ไม่นานนัก Honda ก็เตรียมงานการขายในญี่ปุ่นแทบจะทันทีทันใด เพราะมันมีกำหนดการวางจำหน่ายในวันที่ 2 ธันวาคม 2012 ก่อนใครในโลกซึ่งน่าจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับ CR-V แทบทุกเจเนเรชั่น
Honda เปิดตัว CR-V เจเนเรชั่นแรกในปี 1995 อย่างถูกที่ถูกเวลาตอนนั้นที่เริ่มนิยมรถยนต์อเนกประสงค์ยกสูง รูปร่างทะมัดทะแมง ขับขี่และโดยสารสบายเหมือนรถเก๋ง ไม่เน้นการลุยหนัก ๆ จนสมัยนั้นฝ่ายการตลาดรถยนต์ทุกค่ายพากันเรียกรถประเภทนี้ว่า “เอสยูวี” จนขารถออฟโรดตัวจริงพากันเรียกรถประเภทนี้ว่าเป็นรถกะเทย ไม่เด่นอะไรสักอย่าง แต่ปากคนหรือจะกระแสความนิยมที่มีอย่างท่วมท้นจนมียอดจำหน่ายสะสมจนถึงปัจจุบัน 5 ล้านคัน
นับจากวันนั้นถึงวันนี้ Honda CR-V กลายเป็นรถยนต์ระดับโลกอย่างเต็มปากวางจำหน่าย 160 ประเทศทั่วโลก มียอดขายถัวเฉลี่ยปีละ 5 แสนคันทั่วโลก ดังนั้นการกำเนิด All New Honda CR-V จะต้องเป็นเอสยูวีที่ใช้เนื้อที่ให้คุ้มค่าทุกสัดส่วน ห้องโดยสารกว้างขวางและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ประหยัดน้ำมันขึ้น ปรับการใช้สอยห้องสัมภาระให้อเนกประสงค์ขึ้น ภายใต้ตัวถังที่ปราดเปรียว
ดีไซน์ภายนอก All New Honda CR-V มีพลังและมีประโยชน์ใช้สอย กันชนหน้าถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ดูแข็งแกร่งด้วยกระจังหน้าทรงคล้าย Honda Accord Crosstour เส้นสายด้านข้างเน้นความแกร่งแบบเรียบง่าย โดดเด่นด้วยกระจกด้านหลังขนาดใหญ่ทรงปราดเปรียวพร้อมไฟท้ายทรงกระชับที่ดูเผิน ๆ เหมือนกับ Volvo XC90/XC60
ภายในถูกออกแบบให้มีดีไซน์คล้าย Honda Accord Euro แต่ความน่าใช้งานนั้น All New Honda CR-V กินขาด เพราะถูกตัดปุ่มอุปกรณ์สารพัดให้น้อยลงไปพอสมควรให้เหลือแต่หน้าจอสีสัมผัสที่สามารถควบคุมฟีเจอร์หลัก ๆ ในรถได้
ขนาดตัวถังสั้นกว่ารุ่นปัจจุบันเล็กน้อยเท่านั้นที่ 4,535 มม.ความกว้าง1,820 มม. ความสูง 1,685 มม.ฐานล้อยาว 2,620 มม. แต่เชื่อหรือไม่ว่ามันมีความยาวห้องโดยสารเพิ่มขึ้น 225 มม. และเนื้อที่ห้องสัมภาระเพิ่มขึ้น 65 ลิตร สะดวกสบายด้วยคันดึงพับเบาะหลัง 60/40
ขุมพลัง All New Honda CR-V ติดตั้งเครื่องยนต์ R20A ความจุกระบอกสูบ 1,997 ซีซี SOHC i-Vtec ให้กำลัง 150 แรงม้า (PS) ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 19.5 กิโลกรัมเมตรที่ 4,300 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์ CVT พร้อม torque converter มีให้เลือกเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า โดย Honda เคลมว่าเครื่องรุ่นนี้เน้นแรงบิดจัดช่วงรอบต่ำ และมีสมรรถนะเทียบเคียงกับรุ่น 2.4 ลิตรจนน่าจะเรียกได้ว่ามีสมรรถนะที่ดีที่สุดในบรรดาเอสยูวี 2.0 ลิตรด้วยกัน มีอัตราสิ้นเปลืองในโหมด JC08 ที่ 14.4 กิโลกรัมเมตร
และเครื่องยนต์ K24A ปรับปรุงแรงอัดมากขึ้นส่งผลให้มีแรงม้าเพิ่มขึ้นอีก 20 แรงม้าเป็น 190 แรงม้า (PS) ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 22.6 กิโลกรัมเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ประหยัดน้ำมันขึ้นด้วยการลดชิ้นส่วนที่ฝืดเคือง
จุดขายรุ่น 2.4 ลิตรก็คือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Real Time AWD แบบใหม่ที่อัจริยะขึ้นด้วยการวิเคราะห์สภาพพื้นถนนแบบไหน เช่นพื้นลื่น, พื้นหิมะ รวมถึงการเข้าโค้งและขึ้นทางลาดชัน
Honda ตั้งเป้าขาย CR-V โฉมใหม่เดือนละ 1 พันคันในญี่ปุ่นส่วนเมืองไทยอดใจรอปลายปี 2012