นับตั้งแต่ Mini เปิดตัวตัวถัง Coupe อันเป็นรถรุ่นที่ 5 ในตระกูล Mini จนบางคนแอบแปลกใจว่าทำไม Mini ถึงไม่เปิดเผยโฉมรุ่น Roadster อันเป็นรถที่ถูกพัฒนามาร่วมกับ Mini Coupe นั่นเอง การรอคอยสิ้นสุดลงแล้วครับเมื่อ Mini เปิดตัว Roadster กันเสียทีในวันที่ 31 ตุลาคม 2011

 

หลายคนคงจะงงกันว่าในเมื่อ Mini มีรุ่นตัวถัง Convertible เปิดรับสายลมแบบ 4 ที่นั่งแล้วไฉน Mini ไยจะต้องออกแบบและพัฒนารุ่นตัวถังเปิดประทุน 2 ที่นั่งในชื่อ Mini Roadster กันล่ะ? ก็เพราะ Mini ต้องการสร้างบุคลิคใหม่แห่งรถเปิดประทุนสายพันธุ์ให้มีบุคลิคสปอร์ตเต็มพิกัด เปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานในการขับขี่ ให้อารมณ์ดิบมากกว่า Mini Convertible ที่เป็นเพียงแค่นำ Mini รุ่นพื้นฐานมาตัดหลังคาออกเท่านั้น

ถ้าให้พูดกันง่าย ๆ Mini Roadster มันก็คือ Mini Coupe เวอร์ชันหลังคาผ้าใบพับเก็บด้วยระบบอัตโนมือไร้ระบบไฟฟ้าเพื่อลดน้ำหนักตัว ถัง หากยังไม่เห็นภาพว่ามันจะแตกต่างจาก Mini Convertible อย่างไร เราก็คงจะอธิบายต่อไปว่าบุคลิคของ Mini Roadster จะเด่นชัดมากบริเวณเสา A มีความลาดเอนและความยาวของเสาเท่ากับ Mini Coupe  เมื่อเสาหลังคาเตี้ยลงและเอนขึ้นทำให้ตัวรถดูมีบ่าข้างสูงขึ้นมาเหมือนกับรถ สปอร์ต สัดส่วนตัวรถก็ดูกะทัดรัดกว่าเดิม

 และบุคลิคสำคัญของ Mini Roadster ก็คือการให้ความรู้สึกเป็นรถ go-kart จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ลดการบิดตัวของตัวถัง และปราดเปรียวตามหลักอากาศพลศาสตร์

มิติความยาว Mini Roadster 3,734 มม., Mini Cooper Roadster  3,728 มม., MINI John Cooper Works Roadster 3,758 มม. ฐานล้อยาว 2,467 มม. ความกว้าง 1,683 ความสูงเฉลี่ย 1,384-1,391 มม. มีขนาดห้องสัมภาระท้ายถึง 240 ลิตร

ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่มีเฉพาะ Mini Roadster ทุกรุ่นก็คือโรลบาร์แบบสแตนเลส กระเด้งอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ และจุดเด่นที่น่าสนใจมากที่สุดคือ Active Spoiler สปอยเลอร์ท้ายที่สามารถปรับทิศทางอากาศได้เมื่อวิ่งความเร็วเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปและสามารถเพิ่มแรงกดมากถึง 88 กิโลกรัมเมื่อวิ่งความเร็วสูงสุด

ขุมพลัง Mini Cooper  Roadster รุ่นล่างสุด ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ 1.6 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Valvetronic 122 แรงม้า (HP) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 16.13 กิโลกรัมเมตรที่ 4,250 รอบต่อนาที ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 9.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 199 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน EU 5.7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสียคาร์บอนไดออกไซด์ 133 กรัมต่อกิโลเมตร

Mini Cooper  S  Roadster รุ่นล่างสุด ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ 1.6 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Valvetronic และยังติดตั้งเทอร์โบคู่ซึ่ง Mini เคลมว่าเครื่องตัวนี้ให้ประสิทธิดีที่สุดในกลุ่มความจุเดียวกัน เพราะให้กำลัง 184 แรงม้า (HP) ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 24.47  กิโลกรัมเมตรที่รอบต่ำเพียงแค่  1,600 รอบต่อนาที สามารถไต่ความแรงเพิ่มถึง 26.51 กิโลกรัมเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน  7 วินาที ความเร็วสูงสุด 277 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน EU ประมาณ 6  ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสียคาร์บอนไดออกไซด์ 139 กรัมต่อกิโลเมตร

 

 Mini John Cooper Works  Roadster  ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ 1.6 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Valvetronic เทอร์โบคู่จูนสูงสุด 211 แรงม้า (HP) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 28.55 กิโลกรัมเมตรที่ 1,850 รอบต่อนาที ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 237  กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน EU 7.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสียคาร์บอนไดออกไซด์ 169 กรัมต่อกิโลเมตร

Mini Cooper SD Roadster  ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร คอมมอนเรลพร้อม VG Turbo  143 แรงม้า (HP) ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 31.10 กิโลกรัมเมตรที่รอบระหว่าง 1,750 ถึง 2,700 รอบต่อนาที ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน  8.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 212  กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน EU 4.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสียคาร์บอนไดออกไซด์ 118 กรัมต่อกิโลเมตร