กลยุทธ์การพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าของบริษัทรถยนต์หน้าเก่าส่วนใหญ่ มักจะ
สร้างรถไฟฟ้าออกมาเป็นโมเดลเฉพาะต่างหากหรือไม่ก็พยายามนำขุมพลังไฟฟ้ามา
ประยุกต์ลงในรถยนต์รุ่นยอดนิยม ก็แน่นอนว่าผลลัพธ์ของรถยนต์โมเดลเฉพาะจะ
ได้รับการตอบรับดีกว่ามาก เพราะบริษัทมักทุ่มงบการประชาสัมพันธ์มหาศาลเพื่อ
ให้ลูกค้าติดตาจนกลายเป็นภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่

แต่ในอนาคตผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายต้องทราบดีว่า รถยนต์ยุคใหม่ที่จะเกิดในอนาคต
ข้างหน้าอาจมีความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น โดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลง
ด้านระบบส่งกำลัง

2016_06_20_Nissan_EV_1

มีความเป็นไปได้สูงอย่างมากกว่ารถยนต์รุ่นใหม่ของ Nissan ในอนาคตมีความ
พร้อมที่จะติดตั้งขุมพลังไฟฟ้าเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลง

Gareth Dunsmore ผู้อำนวยการธุรกิจหน่วยรถยนต์มลพิษ 0% แห่ง Nissan Motor
ยุโรปได้เปรยว่า “พวกเราคือผู้นำตลาดรถยนต์ครอสโอเวอร์และยังเป็นนำรถไฟฟ้าด้วย
Nissan ในอนาคตพวกเขาจะจับความเป็นผู้นำทั้งสองเข้ารวบไว้เป็นสิ่งเดียวกัน”

ปัจจุบัน Nissan มีแพลทฟอร์มสำหรับการพัฒนารถไฟฟ้า แต่ Dunsmore ในอนาคต
อาจมีตัวเลือกที่ดีกว่าคือ แพลทฟอร์มรถยนต์ที่สามารถเลือกติดตั้งได้ทั้งขุมพลังไฟฟ้า
และเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยหวังว่าลูกค้าจะมองเห็นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
, ความสนุกสนานและต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้เขายังใบ้อีกว่า Nissan กำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะเปิดตัวรถไฟฟ้าขนาด
เล็กกว่า Leaf เพื่อให้กลายเป็นตัวเลือกของคนที่มองหารถขนาดเล็กลง จึงมีความเป็น
ไปได้สูงว่า Nissan อาจขยาย Dedicated Brand อย่าง Nissan Leaf ให้ขจรขจาย
ในวงกว้างมากยิ่งขึ้นคล้ายกรณีของ Toyota Prius ที่เริ่มแตกตัวรถ Hybrid ออกมาหลายรุ่น

อีกฟากหนึ่งของโลกก็มีกระแสข่าวรายงานมาว่า Nissan Motor จะเตรียมเปิดตัวรถ
ไฟฟ้าราคาถูกกว่ารถไฟฟ้าที่จำหน่ายในปัจจุบันถึง 30%

ปัจจุบัน Nissan มี Venucia e30 ซึ่งเป็น Nissan Leaf เวอร์ชันผ่านการศัลยกรรม
โหงวเฮ้งเพื่อเอาใจคนจีนล้วน เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014

มีความเป็นไปได้สูงว่ารถไฟฟ้าราคาถูกคันนี้จะเปิดตัวในช่วงฤดูร้อนของปีนี้ และ
จะพัฒนาร่วมกับ Dongfeng Motor Group มีราคาประมาณ 2 แสนหยวน

รถยนต์คันนี้จะใช้ชิ้นส่วนในประเทศจีนเป็นหลักรวมถึงแบตเตอรี่ที่ถูกผลิตจากจีน
หลังจากหักงบสนับสนุนจากรัฐบาลก็จะมีราคาถูกลงจนเหลือเพียงแค่ 100,000 –
150,000 หยวนก็ถือว่ามีราคาจำหน่ายอยู่ในย่านเดียวกับรถยนต์เครื่องยนต์ในขนาด
เดียวกัน

ก่อนส่งท้ายบทความ เราก็ขอเสริมว่าหากใครคิดว่าจีนยังล้าหลังอยู่ คงต้องเปลี่ยน
ความคิดเพราะขณะนี้รัฐบาลจีนกำลังสนับสนุนการซื้อรถยนต์พลังงานใหม่ อาทิ
รถไฟฟ้าและ Hybrid หนักมากจนถึงขั้นรัฐบาลกลางให้เงินสนับสนุนการซื้อรถไฟฟ้า
ต่อคันสูงสุด 55,000 หยวน ยังไม่พอ รัฐบาลท้องถิ่นก็ให้เงินสนับสนุนซื้อรถพลังงาน
ใหม่อีก 110,000 หยวน

เงินสนับสนุนล่อตาล่อใจขนาดหนักแบบนี้ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมยอดขาย
รถไฟฟ้าและ Hybrid จะพุ่งสูงถึง 330,000 คันในปี 2015 และคาดการณ์กันว่า
จะมียอดขายรถไฟฟ้าในเมืองปักกิ่ง 5 ล้านคันในปี 2020

ที่มา : Autocar/Nikkei