พลิกโผ! Nissan เปิดตัวเทคโนโลยี e-Bio Fuel Cell โดยใช้เชื้อเพลิงเอทานอล

ใครที่คิดว่า Nissan ไม่เคยคิดจะพัฒนาเทคโนโลยีขุมพลังรังเชื้อเพลิงหรือ Fuel Cell
เพราะมัวแต่สนใจพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่กักเก็บพลังงานลงในแบตเตอรี่ เห็นที
คงคิดผิดเพราะวันนี้ Nissan กลายเป็นเสือซุ่มตัวใหม่ที่กล้าเปิดเผยเทคโนโลยี Fuel
Cell ต้นทุนถูกก่อนใคร

วันนี้ (15 มิถุนายน 2016) Nissan Motor เปิดตัวขุมพลัง Fuel Cell ชนิดใหม่โดยใช้
เชื้อเพลิงเอธานอลแทนที่จะเป็นเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเหลวที่มีชื่อเรียกว่า Solid Oxide
Fuel-Cell (SOFC) ครั้งแรกในโลกที่สามารถประยุกต์เชื้อเพลิงอื่นให้กลายเป็นพลังงาน
ไฟฟ้าได้ ไม่ว่าจะเป็นเอทานอลหรือแก๊ซธรรมชาติ

Nissan announces development of the world’s first SOFC-powered

ระบบการทำงาน e-Bio Fuel Cell จะผลิตกระแสไฟฟ้าผ่านหลักการ Solid Oxide
Fuel-Cell (SOFC) ที่ทำหน้าที่ตัวสร้างพลังงานด้วยวิธีการแปรรูปให้กลายเป็นไฮโดรเจน
และผสมเข้ากับอ็อกซิเจนในชั้นบรรยากาศรอบตัวรถ

สิ่งที่แตกต่างจาก Fuel Cell แบบปกติคือประสิทธิภาพการใช้งานที่ใกล้เคียงกับรถยนต์
น้ำมันเชื้อเพลิงหรือมีระยะทางวิ่งสูงสุดมากกว่า 600 กิโลเมตร โดยที่ผู้ใช้สามารถใช้แหล่ง
เชื้อเพลิงราคาถูกอย่างเอทานอล แต่ขณะเดียวกันผู้ขับขี่ก็ได้รับประสบการณ์แบบรถไฟฟ้า
อย่างแท้จริงเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การขับขี่ที่ไร้เสียงรบกวน, การออกตัวได้เร็วและอัตรา
เร่งที่ทันใจ ทำให้ผู้ขับขี่มีความสุขและรื่นรมย์

ระบบเซลล์เชื้อเพลิงแบบใหม่จะบรรจุสารเคมีที่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนกลายเป็น
แหล่งพลังงานโดยไม่ปล่อยสารอันตรายใด ๆ ออกมา

ส่วนแหล่งเชื้อเพลิงไบโอเอทานอลเป็นเชื้อเพลิงที่เกิดจากอ้อยและข้าวโพดซึ่งมีการ
ปลูกขึ้นมากมายในอเมริกาเหนือ, อเมริกาใต้และเอเชีย

2016_06_15_Nissan_2

ในอนาคต e-Bio Fuel Cell จะกลายเป็นขุมพลังที่เป็นมิตร เพราะเอธานอลสามารถ
นำไปผสมกับน้ำได้ 55% (หากกำลังการผลิตเอทานอลไม่เพียงพอ) ทำให้การจัดหา
เชื้อเพลิงเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยมากกว่าการใช้เชื้อเพลิงอื่น เป็นการลบข้อจำกัด
ของ Fuel Cell ที่เติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเหลวทิ้งไป คือไม่จำเป็นจะต้องสร้างระบบ
สาธารณูปโภคและมีศักยภาพที่ดีในการเติบโตในอนาคต

ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ถูกลงเมื่อเทียบกับรถไฟฟ้าปัจจุบัน เพราะไม่ต้องออกแบบถัง
กักเก็บเชื้อเพลิงด้วยเทคโนโลยีซับซ้อน ตอบสนองการใช้งานในวงกว้างได้กว่า
ด้วยระยะการเติมเชื้อเพลิงที่สั้นลงและมีจุดรองรับการบริการหลากหลาย

e-Bio Fuel Cell จะปล่อยของเสียเป็นไอระเหย, ความร้อนและคาร์บอนไดอ็อกไซด์
ซึ่งคาร์บอนชนิดนี้เป็นก๊าซค่ากลางที่พืชจะต้องดึงก๊าซชนิดนี้เพื่อช่วยเจริญเติบโต

Nissan ไม่ได้เปิดเผยว่า e-Bio Fuel Cell จะเป็นมาตรฐานขุมพลังรังเชื้อเพลิง
สำหรับรถยนต์ที่จะจำหน่ายในอนาคตหรือไม่

ที่มา : Nissan, Automotive News