รายงานยอดขายรถยนต์รวมทั้งปี 2558 / 2015 ที่จะไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
เจาะลึกแบบละเอียด ทุกรุ่น ทุก Segment จะได้รู้กันสักทีว่าแบบไหนขายดี !!!
ทั้งแบ่งตามความจุเครื่องยนต์ – ประเภทตัวถัง – ระบบขับเคลื่อน – ระบบส่งกำลัง
หลายท่านที่ติดตามเป็นประจำจะทราบดีว่า แหล่งข้อมูลเราที่ได้มานั้น ค่ายรถยนต์
ไม่ได้เป็นผู้ส่งยอดมาให้เราโดยตรง แต่เป็นการรวบรวมจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์
ญี่ปุ่นในประเทศไทย (JAMA) ทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวม โดยการส่งรายงานตัวเลข
จากทุกค่ายแลกเปลี่ยนกันเข้ามาที่ส่วนกลาง แล้วจึงสรุปออกมานำเสนอให้ชมกันครับ
ครั้นจะเอาตัวเลขจดทะเบียนจากกรมขนส่งทางบกมานำเสนอ ในทางปฏิบัติจริง
ตัวเลขอาจจะมีความคลาดเคลื่อนค่อนข้างสูง เนื่องจากการจดทะเบียน บางครั้ง
อย่างที่รู้กันว่ามีการลากจด รอทะเบียนประมูล หรือบางครั้งจดทะเบียนคาบเกี่ยวกัน
ระหว่างเดือน บางทีลากยาวเป็นปีก็มีครับ (ซึ่งเราไม่สนับสนุนนะครับ)
ยอดขายรถยนต์รวมภายในประเทศ ปี 2015 / 2558 อยู่ที่ 799,594 คัน ลดลงจากปีที่แล้วถึง
82,238 คัน ( ปี 2014 / 2557 ยอดรวม 881,832 คัน ) คิดเป็น – 9.32 %
โดยอันดับของค่ายรถที่มีการเปลี่ยนแปลงน่าสนใจ จากปีที่แล้ว มีดังนี้
– Mazda ขยับขึ้น 1 อันดับ โดยสามารถแซง Ford ขึ้นมาได้ อยู่ในอันดับ 6
– Suzuki ขยับขึ้น 1 อันดับ โดยสามารถแซง Chevrolet ขึ้นมาได้ อยู่ในอันดับ 8
– MG ค่ายน้องใหม่ จากเดิมรั้งอยู่ท้ายตารางในอันดับ 20 ปีนี้ขยับขึ้นมา อยู่ในอันดับ 13
( จากยอดขายหลักสิบ ขยับมาเป็นหลักร้อย ยอดขายรวมหลักร้อย ขยับมาเป็นหลักพัน
ผลมาจากการเปิดตัว MG 3 ที่กระแสตอบรับดี นับเป็นยอดขายหลักของค่ายในขณะนี้ )
– Mercedes-Benz ที่ถึงแม้จะอันดับคงที่ แต่เดือน ธันวาคม 58 ได้สร้างสถิติใหม่
ตัวเลขยอดขายรายเดือน สามารถแต่ระดับ 2,000 คัน ได้เป็นครั้งแรก
มาดูยอดขายในแต่ละ Segment กันบ้างครับ ไล่เรียงกันลงไปตามนี้
จะแบ่งตามหมวดต่างๆ ขึ้นอยู่กับว่าในกลุ่มนั้นๆ มีความต่างมากน้อยขนาดไหน เช่น
– แบ่งตามประเภท-ความจุเครื่องยนต์ : เบนซิน / ดีเซล / ความจุเครื่องยนต์
– แบ่งตามระบบส่งกำลัง (เกียร์) : เกียร์อัตโนมัติ / เกียร์ธรรดา
– แบ่งตามประเภทตัวถัง : ตอนเดียว / แค็ป / 4 ประตู หรือ Sedan / Hatchback
– แบ่งตามระบบขับเคลื่อน : ขับ 2 / ขับ 2 ยกสูง / ขับ 4
มาดูยอดขายในแต่ละ Segment กันบ้างครับ ไล่เรียงกันลงไปตามนี้
– Eco Car
– B-Segment
– C-Segment
– D-Segment
– B-SUV/Crossover
– C-SUV
– Mini MPV
– Pick-up
– PPV
ยอดขายรถยนต์กลุ่ม ECO CAR
– แบ่งตามระบบส่งกำลัง ( เกียร์ ) : เกียร์อัตโนมัติ CVT / เกียร์ธรรมดา
รถในกลุ่มนี้จะมีเพียง Toyota Yaris เท่านั้น ที่ไม่มีเกียร์ธรรมดาจำหน่ายทุกรุ่นย่อย
สัดส่วนยอดขายของรุ่น เกียร์ธรรมดานั้นมากที่สุด จะเป็นของ Mitsubishi Attrage
อยู่ที่ประมาณ 12 % ของยอดขายรวมทั้งหมด
ยอดขายรถยนต์กลุ่ม B-Segment
– แบ่งตามระบบส่งกำลัง ( เกียร์ ) : เกียร์อัตโนมัติ / เกียร์ธรรมดา
ในกลุ่ม B-Segment มีเค้าลางส่อแววว่า เกียร์ธรรมดานั้นจะเริ่มหายไปจากตลาด
เริ่มจาก Mazda 2 ที่เปิดตัวมาไร้เงาเกียร์ธรรมดาให้สับเล่น มีแต่เกียร์อัตโนมัติล้วน
ผ่านมาเรื่อยๆในปี 2016 Toyota เองก็เปิดตัว VIOS MY2016 ที่จัดการเปลี่ยน
เครื่องยนต์ครั้งแรกในรอบ 10 ปี ก็ตัดเกียร์ธรรมดาทิ้งไป เหลือเพียงแต่ CVT เท่านั้น
ทำให้รถในกลุ่มนี้เองเหลือเพียงแค่ 2 รุ่นเท่านั้นที่ยังมีเกียร์ให้สับเล่นอยู่ นั่นก็คือ
Honda City / Honda Jazz ซึ่งสัดส่วนของรถเกียร์ธรรมดาที่มากที่สุดประมาณ 6 %
ของยอดขายรวม Jazz ทั้งหมดเท่านั้นเอง อนาคตของรถเก๋งเกียร์ธรรมดาจะมืดมน
เข้าไปทุกที สำหรับประเทศไทย
* Mazda 2 เป็นรถที่เข้าโครงการ ECO CAR Phase 2 แต่ด้วย Positioning และ
ราคาที่ทาง Mazda Thailand ตั้งเอาไว้ ทำให้ต้องมารวมอยู่ในกลุ่ม B-Segment
** MG 3 เริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือน มีนาคม / MG 5 เริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน
*** MG 5 ไม่มียอดขายแยก ระหว่างเครื่องยนต์ธรรมดา และ เครื่องยนต์ Turbo
ยอดขายรถยนต์กลุ่ม C-Segment
– แบ่งตามประเภท / ความจุเครื่องยนต์ : 1.6 L – 1.8L – 2.0L
และกลุ่ม Hybrid – เบนซิน เทอร์โบ (Gasoline Turbo)
C-Segment เป็นกลุ่มรถ Passenger Cars ที่มีความหลากหลายของเครื่องยนต์
ไล่กันมาตั้งแต่ 1.6 ลิตร ขยับขึ้นมา 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตรที่มีทั้งเบนซิน / ดีเซล
รวมถึงกลุ่ม Hybrid / เบนซิน เทอร์โบ ที่พิเศษขึ้นมากว่าปกติ
Mazda 3 เอง ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 ของกลุ่ม ด้วยเหตุผลที่ Civic รุ่นนี้เองไม่ค่อย
ประสบความสำเร็จนักทั้งในไทย และตลาดโลก รวมถึงกำลังจะตกรุ่นแล้ว เลยทำให้
อันดับเป็นอย่างที่เห็นกัน ปี 2016 นี้เองรุ่นใหม่เปิดตัวแล้ว ดูจะมีกระแสตอบรับที่
ค่อนข้างดีเสียด้วย อันดับอาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น Altis จะยังคงรักษา
ตำแหน่งไว้ได้หรือไม่ ต้องคอยติดตามกัน
* Nissan Sylphy 1.6 DIG-Turbo เริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2015
โดยในช่วงแรก มีโควต้าผลิตแค่ประมาณ 20 กว่าคัน / เดือนเท่านั้น ปัจจุบันนี้
จากความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาต่อเนื่องทำให้ต้องเพิ่มกำลังการผลิต 2 เท่า
เป็น 50 คัน / เดือน ตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม 2016 เป็นต้นไป
** ยอดจดทะเบียน รย.6 รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน หรือที่เรียก
กันว่า แท็กซี่มิเตอร์ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล “โดยไม่ได้มีการระบุยี่ห้อ”
รวมในปี 2015 / 2558 ทั้งหมด 9,409 คัน เพราะฉะนั้นแล้วยอด Toyota Corolla Altis
ที่เป็น Taxi ทั้งหมด จะไม่ใช่ตัวเลขนี้ เราเอามาเทียบเพื่อให้เห็นตัวเลขประมาณคร่าวๆ
อย่างไรก็ตามหากหักลบกันกับยอดทั้งหมด Toyota Corolla Altis ก็ยังมียอดขายรวม
เป็นอันดับที่ 1 ของกลุ่มอยู่ดี
*** MG 6 ไม่มียอดขายแยก ระหว่างเครื่องยนต์ธรรมดา และ เครื่องยนต์ Turbo
– แบ่งตามประเภท / ความจุเครื่องยนต์ : 1.6 L – 1.8L – 2.0L
และกลุ่ม Hybrid – เบนซิน เทอร์โบ (Gasoline Turbo)
ปริมาณรถเกียร์ธรรมดาในกลุ่มนี้เอง ตกไปอยู่กับ Toyota Corolla Altis เสียส่วนมาก
คิดเป็นสัดส่วน 9 % ของยอดขายรวม สำหรับรุ่นอื่นๆเองดูจะเป็นตัวประกอบมากกว่า
Mazda 3 ก็ไม่มีรุ่นเกียร์ธรรมดา เช่นเดียวกับ Honda Civic FC ใหม่ ก็ไม่ทำมาขายแล้ว
Ford Focus EcoBoost ก็ไม่ทำ
ขณะนี้หากคุณอยากได้ C-Segment เกียร์ธรรมดา ไว้สับเกียร์เล่น ซิ่งแก้เบื่อ ตัวเลือกนั้น
หลักๆ ก็จะเหลือเพียง Toyota Corolla Altis / Nissan Sylphy เท่านั้น หรือ อยากลอง
ของ Rare item ก็คงต้องไปซบอก Proton Preve’ เพราะ Chevrolet Amazing Cruze เอง
ก็ไม่มีเกียร์ธรรมดาแล้วเช่นกัน
ยอดขายรถยนต์กลุ่ม D-Segment
– แบ่งตามประเภท / ความจุเครื่องยนต์ : 2.0L – 2.4-2.5L – Hybrid
Nissan Teana ยอดขายน้อยที่สุด แม้จะไม่มีรุ่น Hybrid แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว
ถึงจะมี ก็ไม่น่าจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นมามากนัก เป็นที่น่าเสียใจอย่างมาก เพราะ
Teana เองในรุ่น 2.0 ลิตร ระบบความปลอดภัยเองก็จัดเต็มเหนือกว่าคู่แข่ง แบบนี้
ก็เข้าทำเนียบ ” รถดี แต่ขายไม่ดี ” ไปอีกคัน
ยอดขายรถ Hybrid ในกลุ่ม D-Segment นี้ ปีนี้ต้องยกให้กับ Toyota Camry ไปเลย
จากการมาของรุ่น Minorchange ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมาก เพราะปีที่แล้ว 2014
แชมป์ของกลุ่มเป็นของ Honda Accord ชนะทั้งยอดขายรวม และ ยอดขายรุ่น Hybrid
ทั้งที่ Accord Hybrid เอง เปิดตัว และ เริ่มส่งมอบได้ในเดือน กรกฎาคมด้วยซ้ำ
ปีนี้ต้องมาดูกันว่า เมื่อรุ่น Minorchange มาประทะพร้อมกันทั้งคู่ ใครจะนำใคร
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องคอยเอาใจช่วย Nissan Teana อย่างห่วงๆด้วย เพราะถ้าสถานการณ์
ยอดขายยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อาจจะไม่มีรุ่นใหม่มาขายอีกต่อไป ก็เป็นได้…
* Toyota Camry Minorchange เริ่มส่งมอบเดือน มีนาคม
** Toyota Camry ESport เริ่มส่งมอบเดือน มิถุนายน
ยอดขายรถยนต์กลุ่ม Sub Compact SUV (B-SUV)
– แบ่งตามประเภทเครื่องยนต์ : เบนซิน / ดีเซล
น้องใหม่อย่าง CX-3 มีทางเลือกเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น ให้กับลูกค้าในกลุ่มนี้ ด้วยการเอา
เครื่องดีเซล 1.5 ลิตร Skyactiv-D มาลง แต่น่าเสียดายที่เครื่องดีเซลนั้น จะเริ่มส่งมอบได้
ก็ปาเข้าไปเดือน กุมภาพันธ์ ของ ปี 2016 ทำให้เราอดเห็นตัวเลขเปรียบเทียบกัน
แชมป์ของกลุ่มนี้ ทิ้งห่างคู่แข่งทั้งหมด ชนิดที่ว่า เอายอดรุ่นที่เหลือมาบวกรวมกัน
ยังไม่ถึงครึ่งนึงของ Honda HR-V ด้วยซ้ำ และ ก็มีท่าทีว่าจะหาใครแย่งบัลลังก์
ก็ยากเสียด้วย อาจจะต้องรอถึง ปี 2018 สำหรับการมาของ Toyota C-HR ว่าจะ
สามารถมาเขย่าเก้าอี้จาก Honda ไปได้หรือไม่ รอกันเหงือกแห้งเลยทีเดียวเชียว
– แบ่งตามระบบส่งกำลัง : เกียร์ธรรมดา / เกียร์อัตโนมัติ
ไม่ต้องพูดอะไรมาก สำหรับกลุ่มนี้ เพราะจากตัวเลขก็เห็นๆกันอยู่ ว่าเกียร์ธรรมดา
สำหรับกลุ่มนี้ มันยิ่งกว่า ลูกเมียน้อยชัดๆ !
ยอดขายรถยนต์กลุ่ม SUV (B-SUV)
– แบ่งตามประเภท / ความจุเครื่องยนต์ : 2.0L – 2.2L – 2.4 – 2.5L
เบนซิน – ดีเซล – Hybrid
Nissan X-Trail เป็น SUV ขุมพลัง Hybrid คันแรกของกลุ่ม และมีท่าทีว่าจะไปได้สวย
ยอดขายตั้งแต่เปิดตัวรุ่น Hybrid ในเดือนพฤศจิกายนเรื่อยมานั้น ดูสัดส่วนแล้ว รุ่น Hybrid
ขายดีกว่ารุ่นเครื่องยนต์ปกติ ! ด้วยการวาง Positioning และ ตั้งราคา แทรกระหว่างเครื่อง
2.0 ลิตร และ เครื่อง 2.5 ลิตร ทำให้คนหันมามองมันมากขึ้น แรงกว่า 2.5 แต่ประหยัดกว่า 2.0
แถมเพิ่มเงินแค่ไม่กี่หมื่น ผิดกับกลุ่ม D-Segment ที่ Hybrid จะจัดเป็น Line-up รุ่น Top สุด
ตรงนี้เองทำให้ Nissan โกยยอดรุ่น Hybrid ไปได้มาก ผิดความคาดหมายไปเยอะว่าจะขายไม่ออก
แม้จะใกล้หมดอายุตลาดเต็มที สำหรับ Honda CR-V แต่ความนิยมก็ยังคงมีอยู่เรื่อยๆ
ยังคงครองแชมป์ในกลุ่มนี้ไปได้อยู่ ส่วน Mazda CX-5 หลายคนรอรุ่น Minorchange ด้วยส่วนหนึ่ง
ทำให้ยอดขายไม่ได้มากอย่างที่หลายคนหวังกัน
ที่มาแรง แต่ยังไม่แหกโค้ง เห็นจะเป็น Subaru XV ที่พลิกแบรนด์ซูบารุในไทย ให้มียอดขาย
สูงสุดในไทยเป็นประวัติการณ์ จากแบรนด์อินดี้ สู่รถ Mass ที่คนทั่วไปจับต้องได้ในที่สุด
(ถึงแม้ราคาขาย จะปรับขึ้น-ลง ผันผวนอย่างกับหุ้นก็ตามที)
– แบ่งตามระบบขับเคลื่อน : 2 ล้อ / 4 ล้อ ไม่ว่าจะเป็น AWD – Realtime 4WD
SUV พื้นฐานเก๋งส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ หากมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพ่วงมาด้วย จะเป็น
Real time 4WD เสียส่วนมาก บางรุ่นอาจมีฟังก์ชั่นเพิ่มล็อคการทำงานได้ มีแค่
Subaru เท่านั้นที่เป็น All Wheel Drive แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่เราจะดูกันในบทความนี้
ยอดขายรุ่น 4WD / AWD ที่เห็นกันนี้ เป็นผลมาจากการที่ค่ายรถยนต์ กึ่งแกมบังคับ
ให้ซื้อกัน เพราะว่า บรรดารุ่นย่อยตัวท๊อปต่างๆที่มีให้เลือกล้วนเป็นขับ 4 ทั้งนั้น
ถึงแม้ไม่อยากได้ขับ 4 แต่ก็ต้องจำใจซื้อ เพราะถ้าเป็นรุ่นขับ 2 อุปกรณ์อำนวยความ
สะดวก – Option ต่างๆจะหายเกลี้ยงเสียส่วนมาก
ยอดขายรถยนต์กลุ่ม Mini MPV
– แบ่งตามประเภทระบบส่งกำลัง (เกียร์) : เกียร์อัตโนมัติ / เกียร์ธรรมดา
ความเงียบเหงาของกลุ่มนี้ดูจะมากที่สุดในบรรดา Segment ทั้งหมด เพราะสมาชิก
ได้ล้มหายตายจากเป็นจำนวนมาก Honda Freed / Chevrolet Spin ก็ได้ยกเลิก
การนำเข้ามาจำหน่ายแล้ว ยอดที่มีอยู่เป็นส่วนของสต๊อกล้วนๆ
ปลายปี 2016 นี้ Toyota Avanza ก็จะยกเลิกการนำเข้าจากอินโดนีเซียเช่นเดียวกัน
แต่ส่งรุ่นใหม่ ประตูสไลด์เข้ามาแทนกับ Toyota Sienta ไม่แน่ว่าหากขายดี
Honda ก็อาจจะมีสิทธิ์กลับมาขาย Freed อีกครั้งด้วย Model ใหม่จะที่เปิดตัว
ในปี 2017 นี้ก็เป็นได้
ยอดขายรถยนต์กลุ่ม Pick-up (กระบะ 1 ตัน)
– แบ่งตามประเภทตัวถัง : Single cab / Space cab / Double cab
ต้องขอยอมรับเลยครับ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่รวบรวมข้อมูลได้เหนื่อยที่สุด ! ไม่ว่าจะเป็นตัวถัง
ที่หลากหลาย เครื่องยนต์ที่มีให้เลือกมากมาย หลายความจุ หลากความแรง ไหนจะรุ่นย่อย
ที่แสนจะเยอะ แค่ยี่ห้อเจ้าตลาด อย่าง Toyota / Isuzu ต่างก็มีให้เลือกกัน คนละ 30 กว่ารุ่นย่อย
แบรนด์รองหน่อยก็มีประมาณ 10 กว่ารุ่นเกือบ 20 เลย ตาลายมากครับ กว่าจะได้ซึ่งข้อมูลชุดนี้
เอาล่ะ มาดูกันเลย แยกตามตัวถังให้ดูกันชัดๆ ปี 2015 มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกันเยอะ
พอสมควรสำหรับกลุ่มนี้ ไล่มาตั้งแต่การเปลี่ยนโมเดลที่สำคัญในรอบ 10 ปีของ Toyota Hilux
จาก Vigo Champ สู่ชื่อใหม่ Revo ตามมาด้วย Mazda BT-50 Pro Minorchange และคู่แฝด
T6 อย่าง Ford Ranger Minorchange ส่งท้ายปีด้วย Isuzu D-max Minorchange ที่เปลี่ยน
เครื่องรหัสใหม่ ในรอบหลายสิบปีด้วยเช่นกัน แถมยังลดความจุ Down Sizing ลงมาเหลือ 1.9 ลิตร
Single Cab ขายดีที่สุด 3 อันดับ
1. Toyota Hilux 21,965 คัน : แบ่งเป็น Vigo Champ 5,194 คัน / Revo 16,771 คัน
2. Isuzu D-max 19,567 คัน : แบ่งเป็น D-max 17,647 คัน / D-max MC 1,929 คัน
3. Mitsubishi Triton 5,739 คัน
Space Cab ขายดีที่สุด 3 อันดับ
1. Isuzu D-max 65,551 คัน : แบ่งเป็น D-max 55,998 คัน / D-max MC 9,553 คัน
2. Toyota Hilux 60,898 คัน : แบ่งเป็น Vigo Champ 26,580 คัน / Revo 34,318 คัน
3. Nissan Navara 12,205 คัน
Double Cab ขายดีที่สุด 3 อันดับ
1. Toyota Hilux 37,249 คัน : แบ่งเป็น Vigo Champ 7,367 คัน / Revo 29,882 คัน
2. Isuzu D-max 33,592 คัน : แบ่งเป็น D-max 28,366 คัน / D-max MC 5,226 คัน
3. Ford Ranger 16,839 คัน : แบ่งเป็น Ranger 7,972 คัน / Ranger MC 8,867 คัน
*** หมายเหตุ :
– Toyota Hilux Revo เริ่มส่งมอบเดือน พฤษภาคม 2015
– Ford Ranger Minorchange เริ่มส่งมอบเดือน กรกฎาคม 2015
– Mazda BT-50 Pro Minorchange เริ่มส่งมอบเดือน สิงหาคม 2015
– Isuzu D-max Minorchange เริ่มส่งมอบเดือน พฤศจิกายน 2015
(เฉพาะรุ่นเกียร์ธรรมดาเท่านั้น)
– แบ่งตามประเภท / ความจุเครื่องยนต์ / พละกำลัง : ดีเซล – เบนซิน
เป็นหมวดใหม่ ที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เนื่องจากปีที่แล้วจะแยกให้ดู แค่เครื่องยนต์ดีเซล
กับ เครื่องยนต์เบนซินเท่านั้น แต่ปีนี้พิเศษ แยกให้ดูกันเลย ระหว่างกลุ่ม Low Power
และ High Power ว่ามีสัดส่วนยอดขายเท่าไหร่กันบ้าง
เครื่องยนต์ดีเซล กลุ่ม Low Power
– Toyota Hilux Vigo Champ : 2.5L / 2.5L VN Turbo
– Toyota Hilux Revo : 2.4L VN Turbo
– Isuzu D-max : 2.5L / 2.5L VGS Turbo / 1.9L VGS Turbo (MC)
– Mitsubishi Triton : 2.5L
– Ford Ranger : 2.2L / 2.2L VG Turbo
– Nissan Navara : 2.5L VGS Turbo
– Chevrolet Colorado : 2.5L
– Mazda BT-50 Pro : 2.2L / 2.2L VG Turbo
– Tata Xenon : 2.1L CNG / 2.2L
เครื่องยนต์ดีเซล กลุ่ม High Power
– Toyota Hilux Vigo Champ : 3.0L VN Turbo
– Toyota Hilux Revo : 2.8L VN Turbo
– Isuzu D-max : 3.0L VGS Turbo
– Mitsubishi Triton : 2.5L VG Turbo / 2.4L MIVEC
– Ford Ranger : 3.2L VG Turbo
– Nissan Navara : 2.5L VGS Turbo High
– Chevrolet Colorado : 2.8L VGS Turbo
– Mazda BT-50 Pro : 3.2L VG Turbo
– Tata Xenon : 2.2L VG Turbo
– แบ่งตามระบบขับเคลื่อน : ขับ 2 / ขับ 2 ยกสูง / ขับ 4
ปีนี้ก็พิเศษเช่นเดียวกัน แยกเพิ่มมาให้จากกลุ่มขับ 2 ว่าสัดส่วนระหว่าง ขับ 2 และ ขับ 2 ยกสูง
เป็นอย่างไร โดยชื่อเรียกของแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อจะต่างกันออกไปดังนี้
รุ่น ขับ 2 ยกสูง ( 4X2 High )
– Toyota Hilux Vigo / Revo : Prerunner
– Isuzu D-max : Hi-Lander
– Mitsubishi Triton : Plus
– Ford Ranger : Hi-Rider
– Nissan Navara : Calibre
– Chevrolet Colorado : 2WD Z71
– Mazda BT-50 Pro : Hi-Racer
– Tata Xenon : ขับ 2 จะเป็นแบบยกสูงทุกรุ่น
– แบ่งตามระบบส่งกำลัง (เกียร์) : เกียร์อัตโนมัติ / เกียร์ธรรมดา
ค่อนข้างจะต่างจากกลุ่มรถเก๋ง รถยนต์นั่ง Passenger Cars อย่างมาก เพราะเกียร์ธรรมดา
จะเป็นที่นิยมมากกว่า เกียร์อัตโนมัติ แต่หลายปีหลังๆเป็นต้นมา ก็มีการเติบโตของจำนวน
ยอดขายรุ่นเกียร์อัตโนมัติขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในตัวถัง Double Cab 4 ประตู
จากตรงนี้เอง Ford Ranger เป็นรุ่นเดียว ที่มีสัดส่วนของยอดขายตัวถัง 4 ประตู มากเกิน
กว่า 2 เท่าของรุ่น Space Cab (ปกติแล้วเกือบทุกยี่ห้อ ยอดขาย Space Cab จะเยอะที่สุด)
ทำให้สัดส่วนของรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ใน Ford Ranger นั้นสูงถึง 48 %
เปอร์เซ็นสัดส่วนรุ่นเกียร์อัตโนมัติ A/T ในกระบะยี่ห้อต่างๆ
– Toyota Hilux Vigo / Revo : 17 %
– Isuzu D-max : 7 % **
– Mitsubishi Triton : 15 %
– Ford Ranger : 48 %
– Nissan Navara : 12 %
– Chevrolet Colorado : 10 %
– Mazda BT-50 Pro : 4 %
– Tata Xenon : 0 %
** Isuzu D-max Minorchange เริ่มส่งมอบ รุ่นเกียร์อัตโนมัติ ในเดือน มีนาคม 2016
จึงยังไม่มียอดในปี 2015
ยอดขายรถยนต์กลุ่ม PPV (SUV พื้นฐานกระบะ 1 ตัน)
– แบ่งตามประเภท / ความจุเครื่องยนต์ : Low Power – High Power – เครื่องยนต์เบนซิน
ในเมื่อกลุ่มกระบะ แยกให้ดูตามความแรงของเครื่องยนต์ดีเซล ดังนั้น กลุ่มนี้ก็ไม่พลาดเช่นกัน
แต่ปีนี้ เป็นการโหมกระหน่ำ เปิดตัว PPV แบบ Modelchange กันถึง 3 ค่ายด้วยกัน
เริ่มตั้งแต่ Ford Everest เปิดตัวก่อนเป็นคนแรก ตามมาด้วย Toyota Fortuner และสุดท้าย
Mitsubishi Pajero Sport ที่ปล่อย Teaser ตัดหน้าก่อน Fortuner เปิดตัวเพียง 1 วัน !!!
*** การเปลี่ยนรุ่น Modelchange กำหนดการส่งมอบมีดังนี้
– Toyota Fortuner เริ่มส่งมอบ เดือน กรกฎาคม 2015
– Ford Everest เริ่มส่งมอบ เดือน กรกฎาคม 2015
– Mitsubishi Pajero Sport เริ่มส่งมอบ เดือน ตุลาคม 2015
เครื่องยนต์ดีเซล กลุ่ม Low Power
– Toyota Fortuner : 2.4L VN Turbo
– Mitsubishi Pajero Sport : มีเฉพาะกลุ่ม High Power
– Isuzu MU-X : 2.5L VGS Turbo
– Ford Everest : 2.2L VG Turbo
– Chevrolet Trailblazer : 2.5L
เครื่องยนต์ดีเซล กลุ่ม High Power
– Toyota Fortuner : 2.8L VN Turbo
– Mitsubishi Pajero Sport : 2.4L MIVEC
– Isuzu MU-X : 3.0L VGS Turbo
– Ford Everest : 3.2L VG Turbo
– Chevrolet Trailblazer : 2.8L VGS Turbo
– แบ่งตามระบบขับเคลื่อน : ขับ 2 / ขับ 4 ( Part-time / Full-time )
จะมีความต่างของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่นต่างๆดังนี้
– Toyota Fortuner : Part-time
– Mitsubishi Pajero Sport : Part-time + Full-time
– Isuzu MU-X : Part-time
– Ford Everest : Full-time
– Chevrolet Trailblazer : Part-time
– แบ่งตามระบบส่งกำลัง (เกียร์) : เกียร์อัตโนมัติ / เกียร์ธรรมดา
รุ่นที่ไม่มีเกียร์ธรรมดา ให้เลือก จะมีอยู่ 2 รุ่น คือ Mitsubishi Pajero Sport และ Ford Everest
แต่เมื่อดูจากสัดส่วนแล้ว ในกลุ่ม PPV เกียร์ธรรมดานั้นก็ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไหร่นัก
สัดส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดาที่มากที่สุด เป็นของ Isuzu MU-X คิดเป็น 5 % ของยอดขายรวม
ปล. *สำหรับท่านใดที่ Save รูปไปแชร์ รบกวนเอาข้อความอธิบายในแต่ละ Segment
ไปด้วยนะครับ เพราะบางครั้งเอาแต่รูปยอดขายไปแชร์ดูแต่ตัวเลขอย่างเดียว ก็ทำให้
เกิดคำถามขึ้นเยอะ ว่าทำไมเป็นอย่างนั้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจ
มากขึ้น ขอความร่วมมือนำข้อความไปด้วยนะครับผม (แต่ทางที่ดีที่สุด แชร์ link
จากหน้า Fanpage ไปดีกว่าครับ จะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนกันทุกท่าน)
ขอบคุณครับ
เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่
>> // กระทู้แสดงความคิดเห็น Exclusive Sales Report ปี 2558 / 2015 //
บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้องและน่าสนใจ
ปี 2557 / 2014
+ Sales Report เจาะลึกยอดขายรถยนต์รวมปี 2557 / 2014