รถยนต์นั่งรุ่นต่อไปที่ชาวไทยน่าจะให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อจาก Honda Brio และ All New Mazda 3 นั่นก็คือ Nissan Eco Car Sedan ที่มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะใช้ชื่อ Nissan Almera ในประเทศไทย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับรถตระกูล C-Segment สมัยก่อนแต่อย่างใด แถมชื่อ Almera ยังเคยเป็นชื่อรถยนต์ Nissan Sunny Almera 1.8 ลิตรในสมัย 10 ปีที่แล้วมาก่อน

ไม่ว่าจะชื่อแซ่จะเป็นอย่างไรคงไม่สำคัญเท่ากับตัวรถที่จะจำหน่ายในประเทศไทยแน่นอน วันนี้เราก็มีภาพแอบถ่าย Nissan Almera ขณะกำลังวิ่งทดสอบบริเวณอ่าวอุดม จังหวัดชลบุรีจากท่านผู้อ่านเว็บไซต์ซึ่งใจดีส่งตรงมาให้ผู้เขียนชมและนำมาถ่ายทอดผ่านบทความนี้

ภาพที่ทุกท่านเห็นขณะนี้คือ Nissan Almera เวอร์ชันไทย 100% โดยมีรูปลักษณ์เหมือนกับ Nissan Sunny ที่เพิ่งวางจำหน่ายในจีนไป แต่เวอร์ชันไทยจะได้ของที่ดีกว่าบ้านเมืองอื่นเขานั่นก็คือ “สปอยเลอร์ท้าย” ที่มีรูปร่างคล้าย ๆ กับสปอยเลอร์ท้ายของ Toyota Corona Exior สมัย 12 ปีที่แล้ว เราก็ไม่ทราบเหตุผลของการติดตั้งสปอยเลอร์ว่ามีจุดประสงค์เพื่ออะไร แต่ที่แน่ทุกเกรดตั้งแต่รุ่นถูกสุดถึงแพงสุดจะได้สปอยเลอร์ท้ายพร้อมชุดไฟเบรคเหมือนกัน

 

มิติตัวถัง Nissan Almera เวอร์ชันไทยมีความยาว 4,426 มม. ความกว้าง 1,695 มม. ความสูง 1,505 มม. ความยาวฐานล้อ 2,600 มม. ความกว้างล้อคู่หน้า 1,480 มม. และความกว้างล้อคู่หลัง 1,485 มม.ความยาวห้องโดยสาร 1,827 มม. น้ำหนัก 962-1,027 กิโลกรัม หนักกว่า Nissan March ในแต่ละรุ่นย่อย 40-60 กิโลกรัม

จุดที่แตกต่างจาก Nissan March อย่างชัดเจนก็คือ Nissan Almera มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (CD) 0.29 เทียบเท่ากับรถสปอร์ต Nissan 370Z ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะสปอยเลอร์ด้านท้ายเป็นตัวช่วยหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ  ก็ดีกว่า Nissan March ที่มีค่า CD อยู่ที่ 0.31

เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังยกชุดมาจาก Nissan March ทั้งกระบิไล่ตั้งแต่เครื่องยนต์ HR12DE 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 1,198 ซีซี 79 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 10.8 กิโลกรัมเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะหรือเกียร์อัตโนมัติ XtronicCVT แต่ปรับจูนกล่องสมองกลเพื่อรองรับตัวถังที่ใหญ่ขึ้น

ในช่วงวันที่ 21-22 กรกฎาคม 2011 Nissan Motor นำบรรดาดีลเลอร์ชั้นนำและสื่อมวลชนรายใหญ่ร่วมทดสอบ Nissan Almera ที่สนามแก่งกระจานเซอร์กิต บรรดาสื่อมวลชนส่วนใหญ่บอกว่าอืดหรือหนืดกว่า  Nissan March  สวนทางดีลเลอร์บางรายกลับลงความเห็นว่าออกตัวดีกว่า อีกทั้งยังคิดว่ารถคันนี้มีการบังคับควบคุมดีกว่าอีกด้วย

ขณะเดียวกันพนักงานขายและผู้จัดการขายบางส่วนเพิ่งทยอยถูกอบรมและทดลองขับเบื้องต้นไปแล้ว ณ โรงงานบางนาตราด กิโลเมตรที่ 22  ผู้ทดลองขับอบรมแทบทุกคนประสานเสียงตรงกันออกตัวดีกว่า  Nissan March หรือพอ ๆ กัน อย่างน้อยก็ดีกว่าที่คาดหมายเอาไว้

ในเมื่อการแสดงความคิดเห็นด้านสมรรถนะแตกต่างกันเช่นนี้ ผู้เขียนก็จำเป็นต้องสืบทราบความจริงจากแหล่งข่าวที่มีความน่าเชื่อถือสูงสุดว่าการทดสอบในสนามแก่งกระจานวันนั้น ทุกคนต้องขับทางโค้งรูปตัว S หลายชั้นอันเป็นจุดขายของสนามด้วยความเร็วต่ำก่อนจะวิ่งทางตรงซึ่งเป็นทางชันขึ้นระดับหนึ่ง ตัวรถจะต้องต้านกับแรงโน้มถ่วงโลก ทำให้สื่อมวลชนส่วนใหญ่ไม่ทราบสมรรถนะที่แท้จริงของ Nissan Almera ได้ อย่างไรก็ตามทางเราไม่สามารถฟันธงได้ว่ามันจะมีสมรรถนะเป็นเช่นไรจนกว่ารถจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

Nissan Almera จะแบ่งเกรดย่อย 5 เกรด ได้แก่ S, E, ES, V และ VL

รุ่นล่างเกรด S จะมีอุปกรณ์มาตรฐานเหมือนกับ March S ไม่มีกระจกไฟฟ้า, ไม่มีเซ็นทรัลล๊อค, ไม่มีวิทยุซีดี, ติดตั้งล้อกระทะพร้อมยาง 175/70 R14 และถุงลมนิรภัย 1 ใบ

เกรด E มีให้เลือกเกียร์ธรรมดาและ XtronicCVT ติดตั้งกระจกไฟฟ้า, เซ็นทรัลล๊อค, กระจกมองข้างไฟฟ้า, ชุดเครื่องเสียงเล่น mp3 ได้, ล้อกระทะพร้อมยางเหมือนเกรด S แต่มีฝาครอบล้อ

เกรด ES เพิ่ม ABS, EBD+BA, ถุงลมนิรภัยคู่  เกรด V เพิ่มแอร์อัตโนมัติ, กระจกมองขับพับไฟฟ้า, ล้ออัลลอยด์ 15 นิ้ว และเกรด VL เพิ่มหน้าปัดเรืองแสง แสดงผลคู่, กุญแจอัจฉริยะ, ชุดปุ่มควบคุมเครื่องเสียงวิทยุบนพวงมาลัย,  ไฟตัดหมอกหน้า, ที่ปัดน้ำฝนหน่วงเวลา, แผงประตูหุ้มผ้า

 

ไฮไลต์สำคัญของ Nissan Almera เกียร์ XtronicCVT ทุกรุ่น ก็คือระบบ Idle Stop อัจฉริยะสำหรับเครื่องยนต์สันดาปภายในที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย ณ เวลานี้ (แน่นอนว่าไม่นับรวมพวก Hybrid) ด้วยเงื่อนไขการทำงานที่น้อยกว่า Nissan March มาก ๆ เพียงแค่จอดรถรอไว้ตามเงื่อนไขที่กำหนด ระบบจะดับเครื่องยนต์โดยไม่ต้องปิดปุ่มแอร์ A/C แต่อย่างใด หากอยากให้กลับมาสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้งก็เพียงแค่ “ขยับ” พวงมาลัยเล็กน้อยเท่านั้น

 

หากผู้ขับขี่กลัวว่าระบบ Idle Stop จะทำงานผิดที่ผิดเวลา เช่น ขณะกำลังจอดรอกลับรถ ต้องอาศัยไหวพริบในการเข้าเลน ผู้ขับขี่สามารถปิดระบบ Idle Stop ด้วยการกดปุ่มปิดการทำงานได้ทันที

 

สีทำตลาดเบื้องต้นมีให้เลือก 6 สีได้แก่ สีดำ, สีขาวธรรมดา (ไม่มุก), สีเงิน, สีแดง, สีน้ำเงิน โดยใช้สีน้ำตาลเป็นสีโปรโมตหลักเหมือนกันทั่วเอเชีย ห้องโดยสารใช้สีดำเป็นสีมาตรฐานสำหรับทุกรุ่น ราคาจำหน่ายเทียบรุ่นต่อรุ่นกับ Nissan March คาดว่าจะแพงกว่าเฉลี่ยประมาณ 3-5 หมื่นบาท

กำหนดเปิดตัว Nissan Almera Eco Car Sedan คันแรกของไทยจะเจอกันไม่เกินวันที่ 7 ตุลาคม 2011 ครับ