ภายหลังจากที่ Honda และ Nissan ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้ประกาศยุติดีลร่วมกันเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2025 ทำให้อนาคตของ Nissan ยังคงอยู่ในภาวะสั่นคลอน อย่างไรก็ตาม Foxconn อาจกลายเป็นพันธมิตรสำคัญที่ช่วย Nissan ให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ ขณะที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากไต้หวันไม่ได้ต้องการเข้าซื้อกิจการของ Nissan ซึ่งอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เมื่อเทียบกับดีลก่อนหน้ากับ Honda

ตามรายงานของ Reuters Young Liu ประธาน Foxconn กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าวันนี้บริษัทกำลังมองหาความร่วมมือกับ Nissan แทนที่จะซื้อกิจการ Foxconn ต้องการขยายธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งนำโดย Jun Seki (อดีตผู้บริหารของ Nissan) แต่เป้าหมายหลักของ Foxconn คือการให้บริการออกแบบและผลิตรถยนต์มากกว่าการเป็นเจ้าของบริษัท

 

Foxconn ไม่ได้ต้องการซื้อหุ้นของ Nissan แต่ Young Liu กล่าวว่า บริษัทก็ไม่ได้ปิดโอกาส หาก “มีความจำเป็นทางธุรกิจ” ปัจจุบัน Foxconn เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลก มีความสามารถในการผลิตสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Apple iPhone นอกจากนี้ยังมีบริษัทเทคโนโลยีในเครือรายอื่นที่เข้าสู่ตลาด EV เช่น Xiaomi ซึ่งเปิดตัว SU7 ในปี 2024

การมีพันธมิตรอย่าง Foxconn อาจช่วยให้ Nissan รักษาความเป็นอิสระของบริษัทได้ อย่างไรก็ตาม Nissan ยังคงเผชิญความท้าทายที่สำคัญ ได้แก่

  • Nissan ลดเป้าหมายกำไรลง 70% ในปี 2024
  • ปลดพนักงาน 9,000 ตำแหน่ง
  • ลดกำลังการผลิตทั่วโลก
  • ขายหุ้นบางส่วนที่ถืออยู่ใน Mitsubishi
  • ขอให้ตัวแทนจำหน่ายขายรถในราคาขาดทุน
  • ลดกำลังการผลิต Rogue หรือ X-Trail ซึ่งเป็นรถรุ่นขายดีที่สุดในอเมริกา

 

แม้ว่ายอดขายโดยรวมของ Nissan ในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา แต่ยอดขายของ Rogue ที่เป็น SUV ยอดนิยมกลับลดลง 9.5% ในขณะที่รถซีดานราคามิตรภาพอย่าง Versa และ Sentra กลับมียอดขายเพิ่มขึ้น 71.7% และ 39.8% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม รถยนต์ทั้ง 2 รุ่นนี้ไม่สามารถทำกำไรสูงพอที่จะช่วย Nissan ฝ่าฟันปัญหายอดขายที่ลดลงทั่วโลกได้ เมื่อรวมกับต้นทุนที่สูงขึ้นและการแข่งขันที่รุนแรง จึงมีความจำเป็นที่จะพิจารณาแผนการปรับโครงสร้างภายในโดยด่วน

ที่มา: Motor1