แบรนด์ Alfa Romeo เคยโลดแล่นในตลาดสหรัฐอเมริกาตั้งแต่กลางยุค 50 โดย Mr.Max Hoffman ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่มีส่วนร่วมกำเนิด Giulietta Spider คันแรกของประวัติศาสตร์แบรนด์นี้ แต่ในเมื่อ Alfa Romeo ยังไม่สามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ตนเองในตลาดสหรัฐอเมริกา พวกเขาก็ต้องถอนตัวจากตลาดในปี 1995

วันนี้ Fiat Group บริษัทแม่ต้นสังกัด Alfa Romeo จำเป็นต้องแผ่ขยายอาณาจักรแบรนด์งูกินเด็กของตนในตลาดสหรัฐอเมริกาอีกครั้งหนึ่ง อันเนื่องจากการควบกิจการ Chrysler Group เป็นปึกแผ่นเดียวกับ Fiat Group

 

 

Mr. Sergio Marchionne กล่าวกับสำนักข่าว Automotive News ว่า Alfa Romeo จะเริ่มหวนกลับทำตลาดในสหรัฐอเมริกาปลายปี 2012 และจะจัดตั้งทีมงานบริหารอย่างเต็มรูปแบบภายกลางปี 2013 ซึ่งช้ากว่าแผนดั้งเดิมที่จะผลักดันยอดขายมากถึง 80,000 คันในสหรัฐอเมริกา จนมียอดขายรวมทั่วโลกทะลุ 5 แสนคันในปี 2014 นั่นเป็นเพราะการพัฒนารถ Giulia ซีดานโฉมใหม่และรถซีดานขนาดใหญ่ถูกเลื่อนออกไปนั่นเอง

แผนการทำตลาด Alfa Romeo ในสหรัฐอเมริกาเริ่มจากรถซับคอมแพคท์จากเดิมที่จะนำ Mito เวอร์ชัน 5 ประตูจำหน่ายก็เปลี่ยนเป็นรอรถรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในปี 2013 แทน

Alfa Romeo 4C คือรถยนต์รุ่นสำคัญสูงสุดเพราะมันเป็นรถคันแรกที่ทำตลาดในสหรัฐอเมริกา เหมือนเป็นรถธงสร้างชื่อให้เป็นที่จดจำเสียก่อน รถคันนี้ได้ฤกษ์ทำตลาดสิ้นปี 2012 และส่งถึงมือดีลเลอร์ต้นปี 2013

ความน่าสนใจของ 4C คือตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์, ติดตั้งเครื่องยนต์  1.8 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ฉีดเชื้อเพลิงตรง 250 แรงม้าขับเคลื่อนล้อหลัง

Alfa Romeo Giulietta คอมแพคท์ชื่อสวยดีไซน์ก็สวยเพิ่งเปิดตัวไปในปีที่แล้ว แต่ก็ต้องรอให้มันปรับปรุงรูปลักษณ์ก่อนถึงจะมาขายในปี 2013 รถคันนี้ถือเป็นรถคันแรกที่ใช้แพลทฟอร์มสหกรณ์ร่วมกับ Fiat-Chrysler ในอนาคต

Alfa Romeo Giulia ซีดานและแวกอนขนาดกลางถูกสร้างขึ้นมาทดแทนรุ่น 159 พร้อมทั้งย้ายฐานการผลิตไปยังอเมริกาเหนือและส่งออกไปยังตลาดยุโรปแทน เปิดตัวสิ้นปี 2013

Roadster รถสปอร์ต 2 ที่นั่งขับเคลื่อนล้อหลัง อาจจะใช้แพลทฟอร์มจาก Chrysler

Compact Crossover เริ่มสายการผลิตในเมืองตูริน อิตาลีสิ้นปี 2012 และพร้อมส่งออกตลาดสหรัฐอเมริกาปี 2013

Mid Size SUV อาจจะพัฒนาบนพื้นฐาน Jepp Grand Cherokee

คันสุดท้ายซีดานขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มว่าจะใช้พื้นแพลทฟอร์มรถขนาดกลางมาขยายขนาด