รายงานล่าสุดเปิดเผยว่า รถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าล้วนสูญเสียระยะทางโดยเฉลี่ยประมาณ 20% เมื่อใช้งานท่ามกลางอุณหภูมิลดลงเหลือ 0°C หรือต่ำกว่า โดยรายงานการศึกษานี้วิเคราะห์ข้อมูลจากรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนกว่า 18,000 คันในสหรัฐฯ ครอบคลุม 20 รุ่นยอดนิยมที่วางจำหน่ายไปก่อนหน้านี้
ผลการศึกษาสัดส่วนของระยะทางที่สามารถวิ่งได้เมื่อเทียบกับสภาพอากาศปกติ ระบุว่า Tesla Model X ครองตำแหน่งอันดับหนึ่ง โดยยังคงรักษาระยะทางไว้ได้ 89% ตามมาด้วย Tesla Model S ที่ 88% ส่วน Audi e-tron และ Tesla Model 3 อยู่ที่ 87% เท่ากัน ขณะที่ Tesla Model Y อยู่ที่ 86% สำหรับ Hyundai Ioniq 5 และ Hyundai Kona ก็สามารถรักษาระยะทางวิ่งได้ดีเช่นเดียวกัน โดยสามารถทำได้ 85% และ 84% ตามลำดับ
การที่ระยะทางวิ่งต่อ 1 รอบการชาร์จลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญจะสามารถแก้ไขได้โดยการติดตั้ง Heat Pump เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าล้วนท่ามกลางสภาพอากาศหนาว หลักการทำงานของอุปกรณ์ดังกล่าวได้แก่การดึงความร้อนจากอากาศภายนอกเข้าสู่ภายในรถ แทนการใช้ฮีตเตอร์ที่ใช้พลังงานมากที่ติดตั้งภายในรถ Heat Pump ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถ EV จำนวน 11 รุ่นจาก ทั้งหมด 13 รุ่นที่ทำการทดสอบ และเป็นการยืนยันว่าจะสามารถรักษาระยะทางไว้ได้ดีกว่ารุ่นที่ไม่มีระบบนี้
อย่างไรก็ตาม มีรถ EV บางรุ่นที่ติดตั้ง Heat Pump แต่ยังคงมีประสิทธิภาพในการรักษาระยะทางได้ต่ำ เช่น Chevrolet Equinox (74%) และ Cadillac Lyriq (72%) ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังศึกษาสาเหตุที่รถรุ่นเหล่านี้ยังคงมีประสิทธิภาพในการรักษาระยะทางน้อยกว่ารถที่ติดตั้ง Heat Pump รุ่นอื่นๆ
ในทางกลับกัน รถ EV ที่ไม่มี Heat Pump แต่ก็ยังสามารถรักษาระยะทางไว้ได้ ได้แก่
Rivian R1S และ R1T ที่ 83% และ 81% ของระยะทางในสภาพอากาศปกติ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีเกินมาตรฐาน
สำหรับตัวอย่างของรถ EV ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในสภาพอากาศเย็นจัด ได้แก่ Nissan Leaf (78%) Ford F-150 Lightning (74%) Chevrolet Bolt (69%) Ford Mustang Mach-E (66%) และ VW ID.4 (64%)
สรุปผลการเก็บข้อมูลพบว่า รถ EV ที่มี Heat Pump สามารถรักษาระยะทางได้ 83% (โดยเฉลี่ย) ในสภาพอากาศดังกล่าว ขณะที่รถ EV ที่ไม่มี Heat Pump สามารถรักษาระยะทางได้เพียง 75% นอกจากนี้ ยังพบว่าแบตเตอรี่แบบ LFP ไม่ได้มีประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าแบตเตอรี่แบบ NMC ในสภาพอากาศเย็นจัดแต่อย่างใด
ที่มา: Carscoops