Alfa Romeo เคยประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะเปลี่ยนเป็นแบรนด์ที่ขายแต่รถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวในปี 2027 สำหรับตลาดสหรัฐฯ แต่ล่าสุด ดูเหมือนว่าจะมีการปรับกลยุทธ์ใหม่แล้ว เนื่องจาก Chris Feuell ตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของ Alfa Romeo อเมริกาเหนือ ได้ให้สัมภาษณ์ในที่ประชุมสมาคมผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ของสหรัฐฯ หรือ National Automobile Dealers Association (NADA) ว่ามีการตัดสินใจเปลี่ยนแผนดังกล่าว ตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา

Feuell ระบุว่าการบังคับให้ผู้แทนจำหน่าย Alfa Romeo ในสหรัฐฯ เปลี่ยนไปขายรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียว ภายในเวลาไม่กี่ปีข้างหน้านั้นมีข้อจำกัดสูงมาก นำไปสู่การเปลี่ยนกลยุทธ์ที่จะขายรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียว ไปเป็นใช้ขุมพลังที่หลากหลายแทน โดยในตอนนี้มีเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย 110 แห่งในสหรัฐฯ ซึ่ง (การทำตามแผนเดิม) เป็นสิ่งที่ท้าทายเป็นอย่างมากที่จะให้ดีลเลอร์อยู่รอดได้ โดยที่มีรถยนต์ไฟฟ้าจำหน่ายอย่างเดียว

 

มีการวิเคราะห์ว่าอีกปัจจัยที่ทำให้  Alfa Romeo สหรัฐฯ ปรับกลยุทธ์ใหม่เป็นเพราะตอนนี้มีปัญหาหนักพอแล้ว เนื่องจากบริษัทประสบปัญหายอดขายถดถอยติดต่อกันเป็นปีที่ 4 โดยในไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา Alfa Romeo มียอดขายในสหรัฐฯ ลดลง 38% ส่วนยอดขายตลอดปี 2024 อยู่ที่ 8,865 คัน หรือลดลง 19% ทั้งยังมีปัญหารถในสต็อกบวมอีกด้วย สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ออกขายในอเมริกาตอนนี้ ประกอบด้วย Guilia, Stelvio และ Tonale ซึ่งรุ่นหลังสุด มีให้เลือกทั้งขุมพลัง PHEV และเครื่องยนต์สันดาปล้วน ที่จะตามมาในปีนี้

สำหรับผลิตภัณฑ์ในอนาคต มีรายงานว่าเดิมที Alfa Romeo ไม่แผนนำน้องเล็กอย่าง Junior เข้ามาทำตลาดในสหรัฐฯ แต่กลับมีข่าวว่าบริษัทเริ่มสอบถามผู้แทนจำหน่ายว่า ควรนำ Crossover รุ่นนี้มาเสริมทัพหรือไม่ ทำให้มีการคาดการณ์ว่า อาจนำรุ่นที่ใช้ขุมพลัง Hybrid มาทำตลาดในสหรัฐฯ แม้ในตลาดอื่นจะมีรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปล้วนและ EV ให้เลือก จึงเป็นสิ่งที่ยังต้องติดตามต่อไปว่าจะชาวสหรัฐฯ จะได้สัมผัส Junior หรือไม่ และการชะลอแผนการก้าวสู่การเป็นแบรนด์ EV ของ Alfa Romeo จะขยายไปยังตลาดอื่นด้วยไหม

 

ที่มา: motor1, motorauthority