วันนี้ Elon Musk ขอสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้สั่นสะเทือนวงการรถไฟฟ้าทั่วโลกด้วยการเปิดตัว Tesla Model 3 ด้วย
หน้าตาที่แปลกใหม่กว่ารถ Tesla รุ่นอื่นยิ่งนัก (ถ้ามองเผิน ๆ ก็แอบคล้ายรถสปอร์ตยี่ห้อหนึ่งเสียด้วย)
Tesla Model 3 คือความภาคภูมิใจใหม่ล่าสุดในการรุกตลาดรถซีดานพลังงานไฟฟ้าระดับหรูที่สามารถซื้อหาได้ (คือถูก
กว่า Model S และ Model X นั่นเอง) ด้วยราคาที่ถูกกว่าที่คิด เริ่มต้นที่ 35,000 ดอลลาร์ตัวรถถูกออกแบบในสตูดิโอที่
Hawthorne สหรัฐอเมริกา
ปรากฏการณ์ที่ทำให้ Elon Musk ภูมิใจสุด ๆ คือการมียอดจองสะสม Tesla Model 3 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2016
มากถึง 115,000 ราย โดยที่ Tesla ยังไม่เปิดตัวรถคันนี้ที่ไหนมาก่อนเลย แสดงถึงความเชื่อมั่นของคนรุ่นใหม่ที่มั่นใจใน
ประสิทธิภาพรถไฟฟ้าหรูคันนี้
สัดส่วนตัวถังดูแปลกตามากเพราะเหมือนเอา Model S มาหั่นเนื้อที่ฝากระโปรงหน้าและหลังให้สั้นกุด มากกว่าที่จะเป็น
Model S ย่อส่วน (คาดว่าคงเป็นวิธีการพัฒนาในลักษณะ Modular Platform)
การออกแบบด้านหน้าแบบไร้กระจังหน้า ดีไซน์ไฟหน้าคล้ายรถสปอร์ต ส่วนภายในห้องโดยสารดูโล่งเรียบง่ายไร้ปุ่มกดใด
ๆ เสมือนรถต้นแบบ แต่ติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาดยักษ์ (ที่เรารู้สึกว่ามันน่าจะใหญ่ที่สุดในบรรดาจอสัมผัสในรถด้วยกัน)
สำหรับควบคุมฟีเจอร์ภายในรถทุกสิ่งอย่าง
ไฮไลต์สำคัญคือ มันสามารถทำความเร็ว 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในไม่เกิน 6 วินาที มีระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ
ประจุไฟฟ้า 1 ครั้งมากถึง 346 กิโลเมตร ฆ่ารถในระดับเดียวกันตายเรียบ
หากใครคิดว่ารถฝรั่งต้องมีภายในแคบ เพราะนั่นคือความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงเพราะรถฝรั่งยุคใหม่มันกว้างขวางจน
น่าพอใจมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ Elon Musk บอกว่าเจ้า Tesla Model 3 นั้นมีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและมีความ
สะดวกสบายสูงสุดไม่แพ้รถเครื่องยนต์สันดาปภายใน เพราะ Tesla ออกแบบแพ๊คแบตเตอรี่ไว้ใต้พื้นรถ
Tesla เชื่อว่า Model 3 ต้องได้รับความนิยมสูงสุด Tesla จึงวางแผนขยายสถานีชาร์จประจุด่วน Supercharge มากถึง
7,200 จุดภายในสิ้นปี 2017 และจะเร่งขยายให้ถึง 15,000 จุดภายในระยะเวลาอันสั้น
ลูกค้า Tesla Model 3 สามารถใช้รถได้อย่างอุ่นใจเพราะ Tesla ได้ขยายหน่วยรองรับการบริการจาก 215 แห่งกลายเป็น
441 แห่ง ภายในปลายปีหน้า
Tesla คาดหวังยอดขาย Tesla Model 3 สูงถึง 500,000 คันต่อปีภายในปี 2020
หากดูจากคุณสมบัติและราคาจำหน่ายแล้ว เราก็ไม่แปลกใจว่าทำไม Tesla ถึงได้ตั้งเป้าสูงมากขนาดนั้น
ที่มา : Worldcarfans/nbcnews