เมื่อช่วงเดือน กันยายน 2024 ที่ผ่านมา Hyundai Mobility (Thailand) ได้ประกาศความพร้อมเดินหน้าทุ่มงบลงทุนก้อนใหญ่มูลค่า 1,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ครบวงจรในประเทศไทย ซึ่งมีโรงงานประกอบรถยนต์ชั้นนำภายในประเทศไทยเป็นพันธมิตรสำคัญ ล่าสุด Hyundai Mobility (Thailand) เตรียมจัดงานแถลงข่าวบทบาทใหม่ของ Hyundai ประเทศไทย วันที่ 26 กันยายน 2024 นี้ พร้อมเผยแผนการลงทุน EV หลังได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ตามนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า EV3.5

 

งานแถลงข่าวดังกล่าว ทาง Hyundai จะมีการอัพเดทความคืบหน้าโครงการ EV3.5 หลังได้รับการอนุมัติจาก BOI พร้อมเผยทิศทางการดำเนินงาน และแผนการจัดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ครบวงจรในไทย อันเกิดจากความร่วมมือระหว่าง บริษัท Hyundai Mobility Manufacturing (Thailand) จำกัด ในฐานะผู้ลงทุนโครงการ กับพันธมิตรรายสำคัญเป็นโรงงานประกอบรถยนต์ชั้นนำภายในประเทศ ซึ่งมีความพร้อมในการเริ่มลงทุนทันที โดยตั้งเป้าหมายเริ่มการผลิตในช่วงต้นปี 2026 อีกทั้งยังใช้โอกาสนี้ เปิดตัวพร้อมประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของผลผลิตใหม่ อย่าง IONIQ 5 N ด้วยเช่นกัน

  

 

สำหรับ IONIQ 5 N ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงรุ่นแรกภายใต้ตระกูล N ที่เผยโฉมในตลาดโลกเมื่อปี 2023 เป็นการต่อยอดจาก IONIQ 5 รุ่นปกติ โดยใช้แนวคิด From Namyang To Nurburgring มาพร้อมรูปลักษณ์ภายนอกที่ตกแต่งให้มีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับรถตระกูล N Series ไม่ว่าจะเป็นสีตัวถัง ชุดแต่งรอบคันที่เน้นหลักอากาศพลศาสตร์ รวมถึงล้ออัลลอย Forged ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยาง Pirelli P-Zero รุ่นเฉพาะ ทั้งหมดที่ทำให้ IONIQ 5 N กว้างขึ้น 40 มิลลิเมตร ยาวขึ้น 80 มิลลิเมตร และเตี้ยลง 20 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นปกติ

   

 

ภายในห้องโดยสาร มีการติดตั้งพวงมาลัยดีไซน์เฉพาะจาก N มาพรอมปุ่มควบคุมการขับขี่ 4 ตำแหน่ง ได้แก่ ปุ่มเลือกโหมดการขับขี่, ปุ่มเลือกโหมด N Grin Boost, ปุ่ม Preset ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับตั้งได้เอง ไม่ว่าจะเป็นโหมดการขับขี่ การกระจายกำลัง และช่วงล่าง อีกทั้งยังมีปุ่ม e-shift และ N Pedal หลังพวงมาลัยมาให้ด้วยเช่นกัน

ด้านอุปกรณ์เพื่อความสะดวกสบายยามขับขี่ มีการติดตั้งนานาฟังก์ชั่นมาให้ ไม่ว่าจะเป็น แผ่นรองหัวเข่าและแผ่นกันกระแทกที่คอนโซลกลาง และยังมีที่วางแขนมาให้ยามต้องการผ่อนคลายบนถนน พร้อมเบาะนั่งหุ้มด้วยผ้าลาย Pixel หรือหนัง Alcantara แบบสังเคราะห์รักษ์โลก โทนสีภายในมีแค่สีดำ ที่ตกแต่งด้วยทริมสีฟ้า Performance Blue เท่านั้น

    

 

ขุมพลังขับเคลื่อนของ IONIQ 5 N เป็นมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ให้กำลังสูงสุด 609 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 740 นิวตันเมตร สามารถบูส์กำลังให้สูงขึ้นเป็น 650 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 770 นิวตัน-เมตร ด้วฟังก์ชั่น N Grin Boost ที่จะมีให้ใช้ชั่วขณะ เพียงแค่ 10 วินาที เท่านั้น ! ด้านระบบกักเก็บพลัง ใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 84 kWh และสถาปัตยกรรม 800V พร้อม Ultra-fast charge จาก 10%-80% ภายในเวลา 18 นาที

สมรรถนะตัวเลขเคลมจากโรงงาน มีดังนี้

  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายในเวลา 3.5 วินาที (ฟังก์ชั่น N Grin Boost 3.4 วินาที)
  • ความเร็วสูงสุด Top Speed ทำได้ 260 km/h

IONIQ 5 N มีฟังก์ชั่นพิเศษอย่าง N Drift Optimizer ที่ช่วยให้สามารถรักษามุมองศาตัวรถขณะทำการ Drift ที่ช่วยส่งแรงเหวี่ยงตัวรถ คล้ายกับการใช้แป้นคลัทช์ในรถขับเคลื่อนล้อหลังเกียร์ธรรมดา พร้อมด้วย N Torque Distribution ที่ปรับระดับการส่งกำลังได้มากถึง 11 ระดับ ผ่าน Limited-slip Differential แบบไฟฟ้า

มีการติดตั้งระบบจัดการพลังงานภายในแบตเตอรี่ โดยสามารถเลือกโหมดการทำงานในการใช้ในสนามแข่ง Track mode ในรูปแบบทำเวลาต่อรอบ โดยที่ยังมีการรักษาอุณหภูมิแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือจะเป็นโหมดการแข่ง Drag mode ที่จะทำการปล่อยพลังงานได้อย่างเต็มที่มากกว่า รวมไปถึงการปรับแต่งให้เข้ากับการขับขี่บนถนนสาธารณะ Road mode เพื่อให้ระยะทางสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการเพิ่มเติม Endurance mode ที่เน้นการควบคุมพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การใช้งานในสนามแข่งอย่างหฤโหด โดยที่จะมีการจำกัดตัวเลขพละกำลังสูงสุดเอาไว้ และในทางกลับกัน Sprint mode จะเป็นการปลดปล่อยพลังสูงสุดเพียงชั่วขณะ

ทั้งหมดนี้ จะสามารถทำงานร่วมกับระบบช่วยออกตัว หรือ N Launch Control ที่จะทำหน้าที่ควบคุมและกระจายแรงขับเคลื่อนขณะออกตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

 

 

ด้านระบบเบรก มีการติดตั้ง High-performace Brake อันประกอบไปด้วย ชุดคาลิปเปอร์เบรกคู่หน้าแบบ 4 pot ทำงานร่วมกับจานเบรกเส้นผ่านศูนย์กลาง 400 มิลลิเมตร ขณะที่ด้านหลัง มาพร้อมคาลิปเปอร์เบรกแบบ 1 pot ทำงานร่วมกับจานเบรกเส้นผ่านศูนย์กลาง 360 มิลลิเมตร ทำให้กลายเป็นชุดเบรกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่ Hyundai เคยผลิตมา

นอกจากนี้ระบบ regenerative braking ยังสามารถให้แรงดึงสูงสุดกว่า 0.6G พร้อมการจัดการแรงเบรกเพื่อเอาชนะน้ำหนักมหาศาลของตัวรถได้เป็นอย่างดี ผ่านการปรับแต่งโปรแกรมมาโดยเฉพาะ รวมไปถึงการปรับแต่งคันเร่งให้ตอบสนองได้อย่างตรงไปตรงมา ภายใต้สภาวะในสนามแข่ง พร้อมการดึงศักยภาพจากระบบ regenerative braking เพื่อใช้ช่วยควบคุมความเร็วของล้อแต่ละข้างขณะเข้าโค้ง ช่วยให้เข้าโค้งได้เร็วยิ่งขึ้น

  

 

อีกหนึ่งไฮไลท์ของ IONIQ 5 N คือ ระบบส่งกำลังอยู่ที่การจำลองชุดเกียร์ 8 จังหวะแบบเสมือน หรือ N e-shift ภายใต้การทำงานระหว่างการส่งแรงบิดของมอเตอร์ให้มีแรงกระชาก สร้างอรรถรสในการขับขี่แบบดิบเถื่อน พร้อมระบบสร้างเสียงจำลอง หรือ N Active Sound + ที่ปล่อยเสียงออกมาได้สูงสุด 3 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ ที่เลียนแบบเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์ พร้อมเสียง Supersonic ขณะเข้าโค้งเปรียบเสมือนเครื่องบินรบที่กำลังทำการบินผาดโผน และเสียงเปลี่ยนเกียร์เสมือน

Ioniq 5 N จะมีให้เลือกมากกว่า 10 สี ด้วยกัน ได้แก่ สีฟ้าด้าน N Performance Blue Matte และสีน้ำเงิน N Performance Blue สีดำ Abyss Black Pearl สีเทา Cyber Gray Metallic สีเทาด้าน Ecotronic Gray Matte, สีเทา Ecotronic Gray สีขาว Atlas White สีขาวด้าน Atlas White Matte สีทองด้าน Gravity Gold Matte และสีส้ม Soultronic Orange Pearl

รายละเอียดทั้งหมดของ IONIQ 5 N รวมถึงแผนการลงทุน EV ในไทยของ Hyundai Mobility (Thailand) สามารถติดตามต่อได้ทาง www.Headlightmag.com ในวันที่ 26 กันยายน นี้ !