นับว่าเป็นข่าวดีของแฟนๆตัวลุยพันแกร่งจากเมืองผู้ดีหลังจากยุติการทำตลาด Land Rover Defender รุ่นดั้งเดิมตั้งแต่ปี 2016 โดยในครั้งนี้แผนกที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการฟื้นฟูรถที่ถูกผลิตระหว่าง 2012 และ 2016 โดยใช้วิศวกรฝีมือดีจากแผนก Works Bespoke ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ รวมไปถึงเหล่าพนักงานที่ช่วยกันรังสรรค์งานฝีมือให้รถยนต์รูปทรงอมตะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เนื่องจากเป็นการการสั่งผลิตจึงสามารถเลือกสีที่ต้องการได้ โดยเฉพาะสีของ Land Rover ยุคเก่าหรือสีพรีเมี่ยมจากรุ่นใหม่ตระกูล SV นอกจากนี้หลังคายังสามารถพ่นด้วยสีที่แตกต่างจากตัวรถโดยมีให้เลือกระหว่างสีเงินหรือสีดำ สำหรับกระจังหน้ายังมีให้เลือกทั้งหมด 3 รูปแบบ แบบดั้งเดิมแบบมาตรฐานหรือแบบตัวลุยพันธุ์แกร่ง ทั้งหมดนี้จะเข้าชุดกันกับไฟหน้ากรอบสี่เหลี่ยมที่ซ่อนดวงไฟ LED ไว้ภายในโคม
ล้ออัลลอยมีให้เลือกระหว่างขนาด 16 และ 18 นิ้ว และยังสามารถเลือกติดตั้งบันไดข้าง ราวหลังคา กล่องเก็บของ บันไดสำหรับปีนขึ้นไปจัดการสัมภาระบนราวหลังคา ไฟส่องสว่างเสริมบริเวณด้านหน้าของหลังคาแบบ LED รวมไปถึง winch ซึ่งขาดไม่ได้สำหรับรถตัวลุยขับเคลื่อน 4 ล้อ
สำหรับใครที่มองหาอุปกรณ์เสริมสำหรับกิจกรรมวันหยุดสุดสัปดาห์ สามารถเลือกติดตั้ง Adventure Pack ซึ่งประกอบไปด้วยเต็นท์แบบสำเร็จรูปติดตั้งมาบนหลังคารวมมาถึงอุปกรณ์อื่นๆที่ช่วยแปลงให้รถอเนกประสงค์มีฟังก์ชันการใช้งานตอบโจทย์สายแคมป์ปิ้งอย่างแท้จริง
ภายในเป็นจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด โดยทีมวิศวกรได้ทำการปรับปรุงอุปกรณ์และฟังก์ชันต่างๆให้มีความทันยุคทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยที่ยังคงชิ้นส่วนที่มีรูปลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้อยู่อย่างเต็มเปี่ยม นอกจากนี้ยังมาพร้อมวัสดุบุกนุ่มและเฉดสีที่สามารถเลือกได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นสีเฉดเดียวจำนวน 5 สีหรือสีแบบทูโทน 8 สี นี่ไปกว่านั้นยังมาพร้อมเบาะนั่งทรงสปอร์ตจาก Recaro พร้อมกันนี้ยังมาพร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลขนาด 3.5 นิ้ว ในส่วนของคันเกียร์ที่ติดตั้งแบบใหม่เข้าไป
ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ขุมพลังเบนซิน V8 ไร้ระบบอัดอากาศ ความจุ 5.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 405 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 515 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะจาก ZF สู่ล้อทั้ง 4 อย่างมีประสิทธิภาพ
ในส่วนของระบบรองรับและช่วงล่างได้รับการพัฒนาและปรับปรุงใหม่โดยใช้คอยล์สปริงจากแบรนด์ Eibach พร้อมเหล็กกันโคลงและชุดโช๊คอัพเกรดพิเศษจาก Bilstein ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพในการขับขี่โดยไม่ลดทอนความสามารถในการลุยออกไป มีถังยางมาพร้อมระบบเบรคประสิทธิภาพสูงโดยเลือกใช้คาลิปเปอร์ของจานเบรคคู่หน้าแบบ 4 พ๊อตจาก Alcon
Classic Defender V8 ที่ถูกรังสรรค์โดยฝีมือจากแผนก Works Bespoke มีราคาจำหน่ายที่แพงกว่า Defender ทุกรุ่น โดยในรุ่น 3 ประตู 90 มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 190,000 ปอนด์ หรือประมาณ 8,497,985 บาท ขณะที่รุ่น 5 ประตู 110 รุ่น 5 ที่นั่ง มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 199,000 ปอนด์หรือประมาณ 8,900,521 บาท ปิดท้ายด้วยรุ่น 5 ประตู 110 รุ่น 7 ที่นั่งมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 204,000 ปอนด์หรือประมาณ 9,124,152 บาท สำหรับผลงานชิ้นโบว์แดงนี้จะถูกจัดแสดงที่งานเทศกาล 2024 Goodwood Revival ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 6-8 กันยายน 2024 ประเทศอังกฤษ
ที่มา: Carscoops