เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2024 Smart ได้เปิดตัวรถ SUV รุ่นใหญ่ที่สุดของค่าย #5 โดยมีเส้นสายภายนอกมีความแตกต่างจากรุ่นน้องที่เปิดตัวทั้ง 2 รุ่นอย่างชัดเจน มุ่งเน้นไปที่ภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งบึกบึนให้สมกับขนาดตัวที่ขยายใหญ่ขึ้นจนเทียบรุ่นกับรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลางเกรดพรีเมี่ยมอย่าง Mercedes-Benz GLC ได้เลยทีเดียว ด้วยความยาวตัวถัง 4,705 มิลลิเมตร พร้อมฐานล้อที่ยาวถึง 2,900 มิลลิเมตร และความจุห้องเก็บสัมภาระ 1,530 ลิตร

 

ภายนอกมาพร้อมกับแนวทางการออกแบบยุคหน้า ตามที่ได้เคยเผื่อให้เห็นในรถต้นแบบก่อนหน้านี้ ไฟหน้าเป็นแบบซ่อนรูปไปกับพื้นผิวของตัวถัง พร้อมกับติดตั้งไฟเรืองแสงรูปทรงแปลกตา ด้านข้างติดตั้งมือเปิดประตูแบบซ่อนรูป โดดเด่นด้วยล้ออัลลอยที่มาพร้อมฝาครอบดุมกลางซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษไม่หมุนไปตามรอบวงล้อในลักษณะเดียวกันกับรถยนต์หรูจากเมืองผู้ดี Rolls-Royce ขณะที่กระจกหน้าต่างรอบคันมีขนาดเพียงพอกับการสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้โปร่งโล่ง เสริมความเป็นรถแบรนด์ Smart ด้วยการติดตั้งโลโก้ไว้ที่เสา D ปิดท้ายด้วยชิ้นงานพลาสติกเสริมความบึกบึนรอบคัน

 

สำหรับใครที่มองหาชุดแต่งเพื่อเพิ่มเติมภาพลักษณ์ความบึกบึนไปอีกขั้น ทางค่ายได้เตรียมแพ็คเกจพิเศษ Summit Edition ติดตั้งไฟส่องสว่างเพิ่มเติมขนาดพอเหมาะบริเวณขอบหลังคาด้านหน้า เพิ่มเติมด้วยบันไดข้าง และบันไดเสริมสำหรับปีนขึ้นไปใช้งานแร็คหลังคา โทรศัพท์นี้ยังมีการเพิ่มเติมวัสดุป้องกันใต้ท้องตัวถัง ขอลากด้านท้ายแบบไฟฟ้า ท้ายด้วยกล่องเก็บของด้านนอกบริเวณเสา D คล้ายคลึงกับของ Land Rover Defender

 

งานออกแบบภายในมาพร้อมกับวัสดุหนังเกรดพรีเมี่ยมรวมไปถึงไม้โอ๊คแท้ตกแต่งคอนโซลเพิ่มเติมความหรูหรา เบาะนั่งคู่หน้าถูกพัฒนาภายใต้เทคโนโลยี zero-gravity ที่สามารถเห็นได้สูงสุด 121 องศา นอกจากนี้ยังติดตั้งไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่ปรับได้สูงสุดถึง 256 สี พร้อมด้วยระบบเครื่องเสียงพรีเมี่ยมแบรนด์ Sennheiser ที่ทำงานร่วมกับลำโพงจำนวน 21 ตำแหน่ง

 

หน้าจอมาตรวัดแสดงผลสำหรับผู้ขับขี่ขนาด 10.3 นิ้ว ทำงานร่วมกับจอแสดงความบันเทิงและการเชื่อมต่อ 2 ชุด ขนาดชุดละ 13 นิ้ว พร้อมด้วยผู้ช่วยส่วนตัวที่ทำงานภายใต้ระบบ AI ซึ่งรองรับการสั่งงานด้วยเสียงเพื่อควบคุมฟังก์ชันภายในตัวรถได้หลากหลายกว่าที่เคย จากนี้ยังมีหน้าจอ head-up display ขนาด 25.6 นิ้วแสดงผลในรูปแบบ augmented reality

 

เบาะนั่งตอนหลังมาพร้อมระบบอุ่นเบาะพร้อมกับความสามารถในการปรับมุมเอนของพนักพิง นอกจากนี้ยังติดตั้งไฟอ่านหนังสือในรูปแบบคล้ายคลึงกับเครื่องบินโดยสารสุดหรู เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าสามารถปรับเลื่อนไปด้านหน้าเพื่อเพิ่มพื้นที่วางขาให้กลับเบาะแถวหลังในสไตล์ first class

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญได้แก่การพับเบาะหลังให้แบนราบเพื่อเปลี่ยนห้องโดยสารให้กลายเป็นห้องนอนเคลื่อนที่ ยังไม่นับรวมช่องเก็บสัมภาระอีกจำนวน 34 ตำแหน่งกระจายอยู่ทั่วภายในห้องโดยสาร นอกจากนี้ยังมีช่องเก็บสายชาร์จที่บริเวณฝากระโปรงหน้าอีกด้วย

 

ถึงแม้ว่าจะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลขุมพลังขับเคลื่อนรถไฟฟ้าล้วนในตอนที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งนี้ ทว่าได้มีข้อมูลหลุดมาจากกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของประเทศจีนเจ้าประจำ ถึงรูปแบบของขุมพลังซึ่งมีให้เลือกระหว่างมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้พละกำลังสูงสุด 340 หรือ 363 แรงม้า (PS) หรือจะอัพเกรดเป็นรุ่นมอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อให้พละกำลังรวมสูงสุด 363 หรือ 422 แรงม้า (PS)

ทั้งหมดนี้คาดว่าจะทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ความจุ 100 kWh ที่สามารถมอบระยะทางสูงสุดต่อ 1 รอบการชาร์จได้ถึง 740 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC ที่ทำงานร่วมกับสถาปัตยกรรมแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 800V พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็วจาก 10% จนถึง 80% ภายในเวลา 15 นาที

Smart มีกำหนดการส่งมอบให้กับลูกค้าในยุโรปช่วงต้นปี 2025 นี้ โดยจะประกาศราคาในภายหลัง

ที่มา: Carscoops