Automobili Pininfarina เปิดตัว Battista Targamerica รถสปอร์ตขุมพลังไฟฟ้าล้วนเปิดหลังคาสุดพรีเมี่ยมเพียงคันเดียวในโลกที่เป็นการพัฒนาต่อยอดจาก Battistaas รุ่นพื้นฐาน ได้รับการรังสรรค์ให้มีความโดดเด่นเฉพาะตัวทั้งภายนอก-ภายใน บ่งบอกความเป็นตัวตนของเจ้าของคนพิเศษ ซึ่งเป็นผู้ครอบครอง Battista อยู่แต่เดิมแล้ว 1 คัน

งานออกแบบภายนอกนอกเหนือไปจากการถอดหลังคาออกแล้ว ยังมีการปรับเปลี่ยนเส้นสายบริเวณด้านท้ายและอยากเลือกใช้สีตัวถังทูโทนผสมผสานระหว่างสีเงิน Argento Liquido Gloss และสีน้ำเงิน Iconica Blu Gloss ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Ferrari Testarossa ปี 1986 รุ่นเปิดหลังคาที่ถูกปรับแต่งพิเศษโดย Gianni Agnelli

ความประณีตของงานออกแบบเริ่มต้นด้วยการพ่นสีแถบสีน้ำเงินด้วยมือ รวมไปถึงการเคลือบผิวล้ออัลลอยโดยใช้วัสดุเซรามิคเกรดพิเศษ ผสมผสานกับฝาครอบอะลูมิเนียมอโนไดซ์สีดำ ได้รับกลิ่นอายมาจากล้ออัลลอยลาย 5 ก้านของรถสปอร์ตค่ายม้าลำพอง

ภายในเลือกใช้เบาะหนังแท้สีเบจสไตล์รถสปอร์ตจากอิตาลี ซึ่งตัดกันกับสีของคอนโซลหน้าและพวงมาลัยสีดำ หมอนหนุนหัวมีการสลักโลโก้ตัว F พร้อมกับ ติดตั้งโลโก้รุ่นพิเศษติดตั้งระหว่างเบาะคู่หน้า พร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางออกแบบพิเศษเฉพาะรุ่น ที่ใช้สีเข้าชุดกันกับการตกแต่งภายในห้องโดยสาร และประทับตราลายเส้นตัวถังของ Battista Targamerica

พร้อมด้วยที่เก็บซิการ์และอุปกรณ์รักษาความชื้นของซิการ์ รังสรรค์มาเพื่อลูกค้าคนสำคัญ รวมไปถึงการใช้ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสารตามแต่ละโหมดการขับขี่ มีการเลือกใช้วัสดุอะลูมิเนียมและแก้วพรีเมี่ยม

นอกเหนือไปจากนี้โครงสร้างตัวถังที่ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ยังได้ถูกปรับปรุงใหม่ เพื่อให้รองรับชิ้นส่วนตัวถังภายนอก โดยยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรงของตัวถังที่ต้องรองรับพละกำลังมหาศาลได้เทียบเท่ากับรุ่นหลังคาแข็ง

Pininfarina Battista Targamerica เลือกใช้ขุมพลังไฟฟ้ามอเตอร์ 4 ตัวจากแบรนด์สุดยอด Rimac ที่มีความถนัดในการออกแบบไฮเปอร์คาร์ขุมพลังไฟฟ้าล้วนชุดเดียวกันกับ Battista และ B95 Barchetta ที่ให้พละกำลังสูงสุด 1,900 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 2,340 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ความจุ 120 kWh สามารถทำอัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาต่ำกว่า 2 วินาทีและมาพร้อมความเร็วสูงสุด 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Pininfarina Battista Targamerica เตรียมโชว์ตัวคันจริงในงานเทศกาลมอเตอร์สปอร์ตสุดโด่งดัง The Quail ก่อนที่จะส่งตรงถึงมือเจ้าของหนึ่งเดียวในโลกทันทีที่งานจบลง

ที่มา: Carscoops