Ford ออสเตรเลียเปิดตัวเวอร์ชั่นลุยแบบดิบ Tremor หลังจากเปิดตัวไปก่อนหน้านี้กับเวอร์ชั่นกระบะ Ranger โดยเน้นการลุยที่มากกว่า Wildtrak มีการติดตั้งป้ายบ่งบอกความพิเศษ Tremor ไว้ที่ประตูคู่หน้าและฝากระโปรงท้ายแบบพอหอมปากหอมคอ
ภายนอกโดดเด่นด้วยสีตัวถังเฉพาะรุ่นสีเทา Command Grey ซึ่งไม่มีให้เลือกใน Ranger Tremor แต่อย่างใด ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าสีดำออกแบบใหม่ มีลวดลายภายในแบบรังผึ้งช่องใหญ่ ที่ซ่อนไฟส่องสว่างเพิ่มเติมสำหรับการลุยในยามค่ำคืนอย่างลงตัว เช่นเดียวกับการติดตั้งบันไดข้างขนาดใหญ่แข็งแรงรองรับการใช้งานหนักยิ่งขึ้น ปิดท้ายด้วยแผ่นเหล็กป้องกันการกระแทกที่ใต้ห้องเครื่องตามสไตล์ตัวลุย Off-road ขนานแท้
การปรับปรุงสมรรถนะช่วงล่างเริ่มด้วยการติดตั้งชุดยกสูงเพิ่มขึ้นอีก 1 นิ้ว เข้าชุดกันกับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว รัดด้วยยาง General Grabber AT3 All-Terrain พร้อมด้วยชุดช่วงล่างจาก Bilstein ที่จับคู่กับสปริงชุดใหม่ รองรับการลุยได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมโหมดการขับขี่ Rock Crawl ซึ่งไม่มีติดตั้งในเวอร์ชั่นกระบะแต่อย่างใด แต่เป็นการหยิบนยืมมาจาก Ranger Raptor
ภายในเลือกใช้วัสดุหนังหุ้มทั้งเบาะนั่งและชิ้นส่วนต่างๆ ด้วยโทนสีดำ Ebony พร้อมด้วยการประทับตรา Tremor สีส้มลงบนเบาะนั่งคู่หน้า เพิ่มความสะดวกสบายด้วยระบบปรับอากาศแบบแยกอิสระ ซ้าย-ขวา เบาะนั่งปรับด้วยไฟฟ้า ผ้ายางปูฟื้นรองรับการเปื้อน all-weather
ทางเลือกขุมพลังเพียงหนึ่งเดียวซึ่งแตกต่างจาก Ranger Tremor ที่เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ แต่ Everest Tremor จะได้ใช้เครื่องยนต์ดีเซล V6 (ทำมุม 60 องศา) DOHC 24 วาล์ว 3.0 ลิตร 2,993 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 84.0 x 90.0 มิลลิเมตร (Power Stroke) ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct-injection ผ่านราง Common-rail กำลังอัด 16.0 : 1 ลำดับการจุดระเบิด : 1 – 4 – 2 – 5 – 3 – 6 พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged กำลังสูงสุด 250 แรงม้า (PS) ที่ 3,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750 – 2,250 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full-time 4A พร้อมระบบ Active Centre Differential และระบบล็อกเฟืองท้าย Dift Lock ที่ล้อคู่หลัง รองรับคุณสมบัติการลากจูงแบบมาตรฐานด้วยการรองรับน้ำหนักสูงสุด 3,500 กิโลกรัม
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกติดตั้งแพ็คเกจ Rough Terrain ที่มาพร้อมอุปกรณ์ใช้สอยสไตล์ Off-Road จาก ARB รวมไปถึง Touring และ Premium Seat เพิ่มเติมจากราคาจำหน่ายมาตรฐานที่ 76,590 เหรียญออสเตรเลียหรือประมาณ 1,774,493 บาท และจะเริ่มขึ้นสายพานการผลิตตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 เป็นต้นไป
ที่มา: Motor1