เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2024 Maserati เปิดตัวรถสปอร์ตเวอร์ชั่นตกแต่งสไตล์รถแข่งรุ่น GT2 Stradale ที่เป็นการพัฒนาต่อยอด จากรถรุ่น MC20 โดยเป็นการพัฒนาโดยใช้ทีมผู้เชี่ยวชาญจากเมือง Modena ซึ่งมีประสบการณ์มาตลอดระยะเวลาในการส่งทีมไปแข่งหลากหลายรายการ ในฐานะรถรุ่นที่สามารถวิ่งได้ตามกฎหมาย
งานออกแบบภายนอกมีการปรับเปลี่ยนกันชนหน้าใหม่ ที่ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยช่องดักลมขนาดใหญ่ ติดตั้งทั้งบริเวณกันชนหน้าและซุ้มล้อคู่หน้า ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากครีบฉลาม อีกทั้งยังเสริมความดุดันด้วยสเกิร์ตหน้าขนาดใหญ่
นอกจากนี้ยังมีฝากระโปรงหน้าติดตั้งช่องดักลมที่คำนวณตามหลักการอากาศพลศาสตร์ รวมไปถึงล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ที่มีน้ำหนักเบาจากกรรมวิธีการผลิตแบบ Forging นอกจากนี้ยังมีช่องดักลมบริเวณด้านข้างของตัวถัง เพื่อส่งผ่านลมไปยังห้องเครื่องที่อยู่กลางลำตัวรถ ขณะที่ด้านท้ายมาพร้อมแผ่นดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ เข้าชุดกันกับสปอยเลอร์หลังทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ที่สามารถปรับทิศทางลมได้ตามความเร็วที่เหมาะสม เพื่อสร้างแรงกดที่บริเวณท้ายรถให้ได้สูงสุด 500 กิโลกรัม ณ ความเร็ว 280 กิโลเมตร / ชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถลดน้ำหนักตัวถังลงไปได้อีก 60 กิโลกรัม
ภายในยังคงอ้างอิงจากรุ่น MC-20 เป็นหลัก โดยได้รับการอัพเกรดในส่วนของเบาะนั่งคู่หน้าซึ่งมีโครงสร้างทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ หุ้มด้วยวัสดุผ้า Blu Elettrico Alcantara สีน้ำเงิน โดยยังมีทางเลือกเบาะนั่งสปอร์ตแบบทั่วไปอีกด้วย สำหรับลูกค้าที่ยังต้องการความสบายในการขับขี่ พร้อมกันนี้ ยังติดตั้งพวงมาลัยทรงใหม่ ที่เพิ่มฟังก์ชั่น Shift light ซึ่งจะบอกการทำงานของเครื่องยนต์ที่รอบเกินกว่า 5,500 รอบ/นาที เพื่อเตือนการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสม สวิตซ์เปลี่ยนเกียร์มีการเปลี่ยนตำแหน่งใหม่ อีกทั้งยังเลือกใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ตกแต่งภายในห้องโดยสารอีกด้วย
สำหรับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ยังคงมีให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย พร้อมด้วยหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว เช่นเดียวกับหน้าจอกลางแบบลอยตัวขนาด 10.25 นิ้ว อีกทั้งยังจัดเต็มด้วยระบบเครื่องเสียงพรีเมี่ยม 6 หรือ 12 ลำโพง ตามแต่ความต้องการ
เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร 3,000 ซีซี. TwinTurbo กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 88.0 x 82.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.0 : 1 พละกำลังสูงสุด 640 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตร ที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ DCT 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อคู่หลัง สามารถทำอัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กม. / ชม. ได้ภายในเวลา 2.8 วินาที พร้อมด้วยความเร็วสูงสุด 324 กม. / ชม.
ช่วงล่างมีการอัพเกรดระบบรองรับให้มีความแข็งขึ้น เพื่อทำให้การเข้าโค้งในสนามแข่งเป็นไปได้อย่างมั่นใจ พร้อมกับระบบเบรกจากแบรนด์ดังอย่าง Brembo ที่ทำงานด้วยชุดจานเบรกวัสดุคาร์บอนเซรามิค พร้อมด้วยแพ็คเกจอัพเกรดสมรรถนะอีก 2 ทางเลือก โดยชุดแรก Performance package จะเพิ่มการติดตั้ง limited slip differential แบบไฟฟ้า และติดตั้งชุดจานเบรกแบบเซรามิคมาให้จากโรงงาน เช่นเดียวกับยางสมรรถนะสูงจาก Michelin Pilot Sport แบบ semi-slick รวมไปถึงการปรับแต่งระบบ ABS ESC และ MSP ใหม่ทั้งหมด
สำหรับแพ็คเกจที่ 2 มีชื่อว่า Performance Plus package นอกจากจะติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เช่นเดียวกับแพ็คแรกแล้ว จะเพิ่มประสิทธิภาพในการลงสนามขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการติดตั้งระบบดับเพลิงและระบบช่วยเหลือต่างๆ ที่จำเป็นขณะลงสนาม พร้อมด้วยเข็มขัดนิรภัยแบบ 4 จุด
ที่มา: Carscoops