แม้จะไม่มีรากเหง้ายาวนานหลายเจเนอเรชั่น แต่ก็ถือว่ามีกระแสตอบรับดีพอสมควร สำหรับ Toyota GR Corolla รถยนต์ HotHatch ตัวแรงจากค่ายสามห่วง ซึ่งเป็นการนำเอา Corolla Hatchback 5 ประตู มาต่อยอดด้านงานวิศวกรรมให้มีสมรรถนะการขับขี่ดีขึ้น เพื่อต่อกรกับ Honda Civic Type R
ตลอดระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในโลกเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2022 GR Corolla ได้รับการพัฒนาปรับปรุงมาโดยตลอด จนกระทั่งล่าสุด Toyota USA ได้มีการเผยโฉม GR Corolla รุ่นปรับโฉม Minorchange โดยนอกเหนือจากการปรับดีไซน์ภายนอกให้แตกต่างจากเดิมแล้ว ยังมีการอัพเกรดงานวิศวกรรมวิศวกรรมขนานใหญ่ โดยมีไฮไลท์อยู่ที่การเพิ่มทางเลือกเกียร์อัตโนมัติ DAT 8 จังหวะ เช่นเดียวกับน้องในไส้อย่าง GR Yaris Minorchange ที่เปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านี้
Toyota GR Corolla Minorchange มาพร้อมขนาดตัวถังภายนอก ยาว 4,410 มิลลิเมตร กว้าง 1,850 มิลลิเมตร สูง 1,480 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ (Wheelbase) 2,640 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหน้า (Front Track) 1,590 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหลัง (Rear Track) 1,620 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักตัวรถ ในรุ่นเกียร์ธรรมดาจะอยู่ที่ 1,500 กิโลกรัม ขณะที่รุ่นเกียร์อัตโนมัติ จะเพิ่มขึ้นอีก 20 กิโลกรัม เป็น 1,520 กิโลกรัม
ภายใต้ Dimension ของตัวรถที่เท่ากันกับรุ่นก่อนปรับโฉม GR Corolla Minorchange มาพร้อมมาดภายนอกที่ดูดุขึ้น บริเวณมุมด้านข้างทั้งสองฝั่งของเปลือกกันชนถูกออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้าน Aerodynamic สามารถรีดอากาศจากด้านหน้าไปยังด้านข้างได้อย่างเป็นระเบียบมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของออยคูลเลอร์เกียร์ หรือ ATF Cooler ที่ถูกติดตั้งมาในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ
ภายในห้องโดยสารไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนัก ยังคงใช้แผงหน้าปัดด้านหน้าร่วมกับ Corolla รุ่นปกติ เสริมด้วยหน้าจอชุดมาตรวัดแบบ Digital ขนาด 12.3 นิ้ว ซึ่งปรับโหมดการขับแสดงผลมาเฉพาะ GR Corolla เท่านั้น ความแตกต่างของรุ่นเกียร์อัตโนมัติเมื่อเทียบกับรุ่นเกียร์ธรรมดา คือ มีแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย หรือ Paddle Shift เพิ่มเติมเข้ามาให้
ด้านขุมพลังขับเคลื่อน ยังคงเป็นเครื่องยนต์รหัส G16E-GTS เบนซิน 3 สูบ 1.6 ลิตร 1,618 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 87.5 x 89.7 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.5 : 1 ฉีดจ่ายน้ำมันแบบ Direct Injection + Port Injection (D-4ST) พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged แต่มีการปรับจูนเพื่อให้ได้แรงบิดเพิ่มขึ้นจาก 370 นิวตันเมตร เป็น 400 นิวตันเมตร ที่ 3,250 – 4,600 รอบ/นาที ส่วนกำลังสูงสุดยังคงเดิมที่ 304 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที
ด้านระบบส่งกำลัง ยังคงเอาใจคนชอบออกกำลังเท้าซ้ายด้วยเกียร์ธรรมดา iMT 6 จังหวะ และมีทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับสายรักสบาย เป็นเกียร์อัตโนมัติ Direct Automatic Transmission 8 จังหวะ พร้อมแป้น Paddle Shift +/- ชุดสมองกลเกียร์ DAT 8 จังหวะ จะใช้ข้อมูลจากการเหยียบคันเร่งและเบรกเพื่อคำนวนและเลือกเกียร์ที่เหมาะสมที่สุด สามารถตอบสนองได้ตรงใจคนขับมากกว่าเกียร์อัตโนมัติใน GR86 และ GR Supra ที่ใช้ความเร็วรถและแรง G-Force เป็นตัวคำนวน
ทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา 6iMT และเกียร์อัตโนมัติ 8DAT ยังคงผูกกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ GR-FOUR สามารถแปรผันการกระจายกำลัง หน้า – หลัง ได้ตามโหมดการขับขี่โหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่
- Normal (60 : 40)
- Sport (30 : 70)
- Track (50 : 50)
ระบบบังคับเลี้ยว ยังคงเดิมกับรูปแบบ Rack & Pinion พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า EPS (Electronic Power Steering) แต่มีการเปลี่ยนสลักยึดแกนพวงมาลัยกับตัวถังให้แข็งแรงขึ้น ช่วยเพิ่มความนิ่งของพวงมาลัยในช่วงทางตรง ตลอดจนเพิ่มความกระชับในจังหวะเข้าโค้ง
เพื่อให้ได้มาซึ่งการขับขี่ในสนามแข่งที่ดีขึ้น ทีมวิศวกรของ Gazoo Racing มีการเปลี่ยนโช๊คอัพใหม่ที่มี Rebound Spring ช่วยให้จังหวะคืนตัวของช่วงล่างเร็วขึ้น ลดอาการลอยตัวของล้อฝั่งในโค้งได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังปรับจุดยึด Trailing Arm ให้สูงขึ้นอีก 30 มิลลิเมตร หรือ 1.1 นิ้ว เพื่อลดการยุบตัวของช่วงล่างหลังขณะเร่งความเร็วเต็มสปีดด้วยเช่นกัน
นอกเหนือจากการเผยโฉมครั้งแรกในสหรัฐฯ คาดว่า Toyota GR Corolla Minorchange จะถูกเปิดตัวในตลาดอื่นๆ ตามมา ภายในปีนี้
ที่มา : Toyota USA Gazoo Racing