การปัดฝุ่นชื่อ Maybach ให้มาโลดแล่นในวงการยนตรกรรมระดับหรูเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากในช่วงปี 1997 เพราะอย่างน้อยก็พอมีประวัติศาสตร์ให้จดจำได้บ้าง แต่การเกิดใหม่ของ Maybach ในปี 2002 ให้เป็นรถยนต์อภิอัครมหาเศรษฐีโดยเฉพาะไม่ใช่ทิศทางที่ดีเท่าไร
Daimler AG ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการผลักดันยอดขาย Maybach ให้กับกลุ่มเศรษฐีเลย จากเดิมตั้งเป้ายอดขายปีละ 1,500 คัน โดยคาดหวังตลาดสหรัฐอเมริกาจำนวน 50% ของเป้าจำหน่าย แต่จนแล้วจนรอด Maybach สร้างยอดขายในสหรัฐอเมริกาสูงสุดเพียงแค่ 244 คันในปี 2004 และปีล่าสุด 2010 ทำยอดขายได้แค่ 63 ตลาดสหรัฐอเมริกายังขนาดนี้แล้วตลาดโลกจะขนาดไหน
เหตุผลหลายประการที่เศรษฐีหลายคนไม่อาจตัดสินใจซื้อรถ Maybach ที่ดูเหมือนจะเป็นรถเหมาะสมกับฐานะตนเองเพราะว่ามันเป็นรถที่ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนนั่นเอง ขนาดคนที่รวยมาก ๆ ยังเมินรถคันนี้เลยจริง ๆ
เมื่อแบรนด์ Maybach ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง Daimler AG ต้องตัดสินใจเลือกทางเดินใหม่เพียงแค่ 2 ทางเท่านั้นคือตัดสินใจหยุดพัฒนารถซีดานหรูตัวใหม่หรือพัฒนารถรุ่นต่อไปโดยใช้พื้นฐานจาก Aston Martin
Mr. Dieter Zetsche ประธาน Daimler AG ให้ข่าวว่าในงาน Event ว่าอาจมีสัญญาณบวกที่ดี ดูวี่แววฝั่ง Aston Martin น่าจะยินยอมข้อตกลงที่เสนอไป
ชะตากรรมของ Maybach รุ่นต่อไปยังอยู่ในจุดที่ต้องเสี่ยงเป็นหรือเสี่ยงตาย แม้ว่าสามารถคิดค้นแนวคิดการพัฒนารถได้แล้ว แต่ก็ยังไม่อาจตัดสินใจเดินหน้าพัฒนาต่อได้ทันที และคงจะไม่ดีแน่ถ้ายังทุ่มเงินลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์กับสินค้าที่ทำยอดขายได้น้อย
Daimler AG เคยเจรจาธุรกิจกับ Aston Martin เพื่อขอความร่วมมือใช้งานวิศวกรรมและโรงงานผลิตร่วมกัน ขณะเดียวกัน Daimler AG ก็ส่งเครื่องยนต์ V12 พร้อมเกียร์ 7 จังหวะไปยัง Aston Martin
ดังนั้นวันที่ 1 กรกฎาคมนี้จึงเป็นวันตัดสินชะตากรรมของ Maybach ว่าจะยังอยู่หรือจะไปจากโลกนี้อีกครั้ง