Honda รีบเปิดตัวรุ่นปรับโฉมของเวอร์ชั่นสมรรถนะสูงรองจาก TYPE-R ของรถ C-segment ยอดนิยมอย่าง Civic Si ที่วางจำหน่ายเพียงตัวถังซีดานในตลาดอเมริกาเหนือเท่านั้น เป็นทางเลือกให้กับวัยรุ่นเท้าหนักที่ยังพอมีกำลังทรัพย์ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป และไม่ต้องขยับไปเล่นรุ่น TYPE-R แต่อย่างใด

โดยยังคงใช้งานออกแบบภายนอก-ภายในร่วมกับรุ่นปรับโฉมที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมการปรับไลน์อัพใหม่ เน้นทำตลาดขุมพลัง Hybrid ในรุ่นสูง ด้วยการยกเลิกขุมพลังเบนซินความจุ 1.5 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ และเหลือทางเลือกเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วนความจุ 2.0 ลิตร ไว้เพียงรุ่น LX และ Sport

 

งานออกแบบภายนอกแตกต่างจากรุ่นปกติที่ลวดลายของกระจังหน้าแบบ 6 เหลี่ยม รวมไปถึงโคมไฟท้ายที่มาพร้อมการรมดำให้สปอร์ตมากยิ่งขึ้น และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลายเฉพาะรุ่น ที่มีออฟชั่นยางสมรรถนะสูงให้เลือกอีกด้วย

 

ในส่วนของการอัพเกรดที่มองไม่เห็นจากภายนอก ได้แก่การเพิ่มความแข็งแรงของชิ้นส่วนตัวถังบริเวณเสา B และประตูหลัง เช่นเดียวกับการเปลี่ยนชุดโช้คอัพให้มีประสิทธิภาพการเกาะถนนมากยิ่งขึ้น โดยยังคงไว้ซึ่งความสบายยามขับขี่เช่นเดิม

 

ขณะที่งานออกแบบภายในมาพร้อมกับเส้นสายและอุปกรณ์ต่างๆ เช่นเดียวกับรุ่นปกติ โดยยังคงใช้หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.2 นิ้ว ที่เลือกแสดงผลในแบบสปอร์ตได้ โดยเฉพาะไฟเตือนการเปลี่ยนเกียร์แบบรถซิ่ง ขณะที่หน้าจอกลางพร้อมระบบความบันเทิงและการเชื่อมต่อขนาด 9 นิ้ว ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Google ในการช่วยจัดการฟังก์ชั่นที่เกี่ยวกับการเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมกับเบาะนั่งติดตั้งระบบอุ่นเบาะจากโรงงาน

 

ขุมพลังของ Honda Civic Si เป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 1,498 ซีซี. เทอร์โบ กำลังสูงสุด 200 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 5,000 รอบ/นาที จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ พร้อมระบบ Rev-Matching จาก Civic Type R และ Helical Limited-Slip ส่วนรูปแบบการขับขี่ปรับได้ 3 แบบ ผ่านระบบ Drive Mode ทั้ง Normal, Sport และ Individual

ทางทีมงานที่ตั้งใจรังสรรค์ Si รุ่นที่สมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งในแง่ของการออกแบบและเทคโนโลยีต่างๆ นับว่าเริ่มหาตัวจับยากในพิกัดราคาค่าตัว 31,045 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,122,292 บาท ซึ่งแพงขึ้นกว่ารุ่นก่อนปรับโฉมเล็กน้อยที่ 850 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 30,727 บาท โดยจะพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2024 เป็นต้นไป

ที่มา: Motor1