Mazda CX-30 มีรุ่นปรับอุปกรณ์ ตามมาแล้วที่ประเทศญี่ปุ่น โดยความเปลี่ยนแปลงจะเน้นไปที่อุปกรณ์มาตรฐานที่เพิ่มเข้ามา อย่างการเพิ่มระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ในรุ่นมาตรฐาน และเติมระบบปรับอุ่นเบาะมาให้ในรุ่นกลาง ส่วนลูกเล่นใหม่ที่พึ่งมีคือ Amazon Alexa ระบบสั่งการด้วยเสียงให้ผู้ใช้งาน ควบคุมระบบปรับอากาศ, ระบบอุ่นเบาะ – พวงมาลัย, โทรเข้า – โทรออก และตั้งจุดหมายปลายทางของระบบนำทาง ผ่านการพูด

ในส่วนของระบบนำทางยังปรับไปใช้ Mazda Online Navi ที่จะแสดงข้อมูลล่าสุดของสถานที่ไป รวมถึงจุดจอดรถยนต์ใกล้เคียง ทั้งยังมีการเพิ่มระบบแจ้งเตือนลืมของไว้เบาะหลัง สำหรับขุมพลังยังคงเดิม โดยมีให้เลือกสองแบบดังรายละเอียดต่อไปนี้

 

  • e-SKYACTIV-G 2.0

เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 1,997 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83.5 x 91.2 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.0 : 1 กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบ M-Hybrid แบบ Mild Hybrid

ในระบบ ประกอบด้วย แบตเตอรี่ lithium-ion ขนาด 24 โวลต์, integrated starter generator (ISG) และ มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 6.9 แรงม้า ที่ 1,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 49 นิวตันเมตร ที่ 100 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมทางเลือกระบบขับเคลื่อนล้อคู่หน้า และ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ

  • SKYACTIV-D 1.8

เครื่องยนต์ดีเซล แบบ 4 สูบ ขนาด 1,756 ซีซี. เทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 79.0 x 89.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 14.8 : 1 กำลังสูงสุด 130 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที จับคู่กับ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนล้อคู่หน้า หรือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

Mazda CX-30 รุ่นปรับอุปกรณ์ครั้งล่าสุด เปิดตัวที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2024 และพร้อมออกจำหน่ายผ่านเครือข่ายทั่วประเทศทันที สนนราคาจำหน่ายที่นั่น โดยที่ยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยระหว่าง 2,759,900 – 3,685,000 เยน (ราว 637,000 – 850,000 บาท)

 

ที่มา: Mazda