หลังจากค่าย 4 ห่วง ได้ปรับโฉม Q8 รุ่นปกติไปก่อนหน้านี้ ด้วยการปรับปรุงให้งานออกแบบด้านหน้ามีความทันสมัยเพิ่มขึ้น ขณะที่รุ่นพิเศษที่เห็นอยู่นี้ จะเป็นรุ่นท๊อปสุดที่มีให้เลือก 2 เวอร์ชั่นระดับความแรงได้แก่ รุ่น RS Q8 และ รุ่น RS Q8 Performance ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกสำหรับผู้ที่ถวิลหาความแรงยิ่งกว่าบนเรือนร่าง SUV คันโตรุ่นนี้

 

งานออกแบบภายนอกมาพร้อมกับกระจังหน้าพ่นตกแต่งด้วยสีดำขนาดใหญ่ พร้อมด้วยลวดลายภายในกระจังออกแบบใหม่ สีตัวถังภายนอกใหม่ที่มีให้เลือกเพิ่มเติมอีก 3 สี ได้แก่ สีทอง Sakhir Gold สีน้ำเงิน Ascari Blue และสีแดง Chili Red การตกแต่งของรุ่น RS Q8 จะยังใช้สีดำเงาเป็นหลักในบริเวณฝาครอบกระจกมองข้าง สเกิร์ตหน้า คิ้วขอบกระจกหน้าต่างตามจุดต่างๆ แผ่นดิฟฟิวเซอร์กันชนท้าย ขณะที่รุ่น RS Q8 Performance เปลี่ยนไปใช้สีดำด้านที่ฝาครอบกระจกมองข้าง สเกิร์ตหน้าและลวดลายของกระจังหน้า ปิดท้ายด้วยดิฟฟิวเซอร์หลังเช่นเดียวกัน

 

ภายในที่ตกแต่งด้วยโทนสีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีแดง เทา และสีน้ำเงิน ซึ่งวัสดุบุนุ่มทั้งคันจะเลือกใช้เป็นหนังแบบ Alcantara ผสมผสานกับเส้นใยสังเคราะห์ Dinamica microfiber พร้อมด้วยเบาะนั่งทรงสปอร์ตที่ติดตั้งระบบระบายอากาศ

 

ขุมพลังของ RS Q8 ทั้ง 2 เวอร์ชั่นยังคงใช้บริการเครื่องยนต์เบนซิน TFSI แบบ V8 Direct Injection ขนาด 4.0 ลิตร 3,996 ซีซี. พ่วงเทอร์โบคู่ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 86.0 x 86.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด : 9.7 : 1  กำลังสูงสุด 600 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร ที่ 2,200 – 4,500 รอบ/นาที พ่วงระบบ Mild Hybrid 48V จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro สร้างอัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กม. / ชม. ได้ภายในเวลา 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 250 กม. / ชม.

 

ขณะที่รุ่น RS Q8 Performance ได้รับการปรับแต่งให้มีพละเพิ่มขึ้นเป็น 632 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร สร้างอัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กม. / ชม. ได้ภายในเวลา 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุดปลดล๊อคเป็น 280 กม. / ชม. และไฮไลท์อยู่ที่การทำเวลาต่อรอบในสนามแข่ง Nurburgring Nordschleife ภายในเวลาเพียง 7:36.698 นาที พร้อมกับระบบท่อไอเสียที่มีเสียงดุดันเร้าใจกว่ารุ่นปกติ

 

ด้านสมรรถนะอื่นๆ ยังมาพร้อมช่วงล่างถุงลมแบบ adaptive air suspension ซึ่งสามารถปรับระดับความสูงตัวถังได้สูงสุด 90 มิลลิเมตร นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับระบบ electromechanical active roll stabilization เพื่อลดอาการโคลงตัวขณะเข้าโค้ง โดยใช้หลักการของมอเตอร์ขนาดเล็กจำนวน 2 ตัว ติดตั้งระหว่างเหล็กกันโคลงที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ชิ้น ขณะที่ตัวรถวิ่งไปทางตรงมอเตอร์ 2 ตัวจะทำการปลดการเชื่อมต่อ เพื่อให้มีระยะการให้ตัวได้เมื่อวิ่งบนทางขรุขระ เพิ่มความสบายยามโดยสาร อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าโค้งระบบจะสั่งการให้มอเตอร์ทั้ง 2 เชื่อมต่อกัน และสามารถหมุนในทิศทางตรงกันข้าม เพื่อลดการส่ายตัวด้านข้าง ระบบนี้ยังทำงานร่วมกับระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับ RS R8 ทุกรุ่นอีกด้วย

 

รุ่น RS Q8 มาพร้อมจานเบรกคู่หน้าเส้นผ่านศูนย์กลาง 420 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์แบบ 10 ลูกสูบ ขณะที่จานเบรกคู่หลังมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 370 มิลลิเมตร อย่างไรก็ตามในรุ่น RS Q8 Performance จะติดตั้งจานเบรกแบบคาร์บอนเซรามิคคู่หน้าเส้นผ่านศูนย์กลางขยายขึ้นเป็น 440 มิลลิเมตร ที่เข้าชุดกันกับล้ออัลลอยขนาด 23 นิ้ว สีเทาอ่อนที่มีขนาดเบากว่า ล้ออัลลอยขนาด 22 นิ้วอุปกรณ์มาตรฐาน

 

Audi ตั้งราคาจำหน่ายเริ่มต้นของ RS Q8 ไว้ที่ 141,900 ยูโร หรือประมาณ 5,582,377 บาท และของรุ่น RS Q8 Performance ไว้ที่ 155,700 ยูโร หรือประมาณ 6,125,667 บาท

ที่มา: Carscoops