อีกหนึ่งรถสปอร์ตแดนผู้ดีคู่ใจ James Bond ที่หลายฝ่ายต่างพากันตั้งตาคอยตัวตายตัวแทน
ของ DB9 ที่ออกจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งบัดนี้ได้มีผู้แทนในชื่อ DB11 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนคนที่กำลังงงว่า DB10 หายไปไหนก็ขอแจ้งไว้ตรงนี้เลยว่าชื่อนั้นนำไปใช้รถยนต์คู่ใจของ
007 ภาคล่าสุดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ภายนอกมองผ่านๆแล้วยังคงอนุรักษ์รูปทรงของกระจังหน้าไว้อยู่แต่มีการปรับให้เฉียบคมขึ้น ส่วน
ไฟหน้า-ไฟท้าย LED และเส้นสายรอบคันนั้นเปลี่ยนใหม่หมด พร้อมกับการออกแบบแบบ Aeroblade
ซึ่งเป็นการออกแบบที่ Aston Martin บอกว่าสามารถรีดลมและจัดระเบียบได้โดยที่ไม่ต้องง้อสปอย์
เลอร์หลังดังการออกแบบบริเวณช่วงหลังเสา C-Pillar ของตัวถังยันฝากระโปรงท้าย สำหรับล้อ
เป็นลาย Diamond Turned Wheels แบบ 10 ก้านปัดเงาขนาด 20 นิ้ว กว้าง 9 นิ้วในด้านหน้าและ
11 นิ้วในด้านหลัง
ภายในนั้นจัดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของรถยนต์ค่ายนี้เพราะดูทันสมัยที่สุดเท่าที่ Aston
Martin เคยออกแบบมาด้วยความช่วยเหลือของ Daimler ที่ใช้ Hardware ร่วมกันทำให้คนตาไว
อาจจะรู้สึกคุ้นๆว่าเหมือนเคยเห็นระบบควบคุมตรงกลางแบบนี้มาใน Mercedes-Benz มาก่อน หน้า
จอเป็นแบบ TFT LCD ขนาด 12 นิ้วทำหน้าที่แสดงข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับรถยนต์ส่วนแบบ 8 นิ้วอีกจอ
นั้นเป็น Infotainment Systemพร้อมระบบนำทางผ่านดาวเทียมและเครื่องเสียงจาก Bang & Olufsen
ที่สามารถอัพเกรดได้
นอกจากนี้ Aston Martin ยังภูมิใจนำเสนอว่า DB11 เป็นรถยนต์ประเภท Grand Tourer แบบ 2+2
ที่นั่งอย่างแท้จริงเพาะผู้โดยสารด้านหน้านั้นมีพื้นที่เหนือศีรษะเพิ่มอีก 10 มิลลิเมตร ส่วนผู้โดยสาร
ตอนหลังมีพื้นที่เหนือศีรษะเพิ่มอีก 54 มิลลิเมตรและอีก 87 มิลลิเมตรสำหรับพื้นที่วางขาเมื่อเทียบ
กับ DB9 รุ่นก่อนหน้า และ DB11 ยังมาพร้อมกับพื้นที่เก็บสัมภาระที่มากกว่าด้วย
เครื่องยนต์เป็นแบบเบนซิน V12 5.2 ลิตรเทอร์โบคู่พร้อมระบบตัดการทำงานของลูกสูบให้กำลังสูงสุด
609 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/ นาทีและแรงบิดสูงสุด 71.38 กก-ม. (700 นิวตันเมตร) ที่ 1,500-5,000
รอบ/ นาทีส่งกำลังลงล้อคู่หลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะจาก ZF ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ ชั่วโมง
ใน 3.9 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 322 กิโลเมตร/ ชั่วโมง
วัสดุและโครงสร้างตัวถังนั้นทำจากวัสดุอลูมิเนียมรวมไปถึงประตูทั้งบานที่ทำจากวัสดุ Magnesium ด้วย
น้ำหนักตัวรถจึงอยู่ที่ 1,770 กิโลกรัม สำหรับอัตราการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังอยู่ที่ 51-49 Aston Martin
DB11 พร้อมที่จะส่งมอบให้ลูกค้าตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไปสนนราคาอยู่ที่ 154,900 ปอนด์หรือราว 7.7 ล้านบาท
ที่มา : carmagazine, astonmartin