หลังจากที่ BMW เปิดตัว 4-series เวอร์ชั่นปรับโฉมไปก่อนหน้านี้ ถึงคราวเวอร์ชั่นร้อนแรงอย่าง M4 CS ที่แทรกกลางระหว่าง M4 Competition และ M4 CSL โดยในครั้งนี้ได้เลือกใช้ชุดไฟหน้าที่ปรับรายละเอียดภายในใหม่ ซึ่งมาพร้อมไฟ DRL สีเหลืองตามสไตล์รถแข่งกลุ่ม GT3 ซึ่งจะแตกต่างจาก M4 CSL ที่ยังคงใช้รายละเอียดไฟห้าแบบตัวก่อน LCI ของตระกูล 4-series อย่างไรก็ตาม M4 CSL ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียงแค่ 1,000 คัน คงจะไม่สามารถสั่งจองได้แล้วในขณะนี้

 

ทาง BMW จึงได้แนะนำ M4 CS ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมา โดยลือกใช้ขุมพลังชุดเดียวกันกับรุ่นพี่ CSL แต่ปรับงานออกแบบรอบคันให้ลดความก้าวร้าวลงเล็กน้อย ถึงกระนั้น กระจังหน้าขนาดใหญ่ที่มีรายละเอียดแปลกตายังคงติดตั้งมาให้ พร้อมด้วยช่องดักลมขนาบข้าง 2 ช่องใหญ่ พร้อมด้วยล้ออัลลอยลายเฉพาะรุ่นที่ช่วยลดน้ำหนักร่วมกับชุดแต่งรอบคันที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ เป็นผลให้ตัวรถเบากว่า M4 Competition Coupe ที่ใช้ระบบขับเคลื่อน xDrive อยู่ถึง 45 กิโลกรัม

 

ชุดแต่งรอบคันอันได้แก่ ลิ้นหน้า สเกิร์ตข้าง ฝากระโปรงหน้าแบบดุดันสไตล์ตัวแข่ง GT3 พร้อมด้วยดิฟฟิวเซอร์ที่บริเวณกันชนหลัง ชุดท่อไอเสียทำจากไทเทเนียมลดน้ำหนักลงได้ 4 กิโลกรัม

M4 CS มาพร้อมทางเลือกสีตัวถังภายนอกจำนวน 4 สี ได้แก่ สีเทา Brooklyn Grey metallic สีดำ Black Sapphire metallic พร้อมด้วย 2 สีจาก BMW Individual อย่างสีฟ้า Riviera Blue สีเขียว Frozen Isle of Man Green metallic

 

วัสดุภายในห้องโดยสารที่เลือกใช้วัสดุอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาอย่างเช่นแป้น Paddle shifter เป็นต้น รวมไปถึงทริมการตกแต่งภายในตามจุดต่างๆ ก็เปลี่ยนมาใช้คาร์บอนไฟเบอร์ที่ไม่ใช่แค่การเคลือบผิวทำลายให้สวยงามแต่อย่างใด

นอกจากนี้ยังมาพร้อมเบาะนั่งแบบ Full Bucket seat ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ หุ้มด้วยหนัง Merino สีดำ และ Alcantara สีแดง ออกแบบมาโดยเฉพาะ พร้อมด้วยการตกแต่งด้วยโลโก้ CS รอบคัน

 

พร้อมกันกับการอัพเกรดไปใช้บริการจอโค้งคู่สหกรณ์ขนาด 12.3 + 14.9 นิ้ว เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆในตระกูล  แต่ได้ทำการเปลี่ยนงานออกแบบของคอนโซลหน้าใหม่ที่มีวัสดุตกแต่งภายในให้เลือกเพิ่มมากขึ้น มาพร้อมช่องแอร์แบบซ่อนรูป พร้อมไฟเรืองแสงเพิ่มบรรยากาศในการขับขี่ได้อย่างสุนทรีย์ พวงมาลัยออกแบบใหม่ มีการตกแต่งด้วยขีดสีแดงด้านบนตามสไตล์รถแข่ง โดดเด่นด้วยหัวเกียร์วัสดุคริสตัล ปิดท้ายด้วยหน้าจอกลางที่ได้รับการอัพเกรดให้ใช้ระบบปฏิบัติการล่าสุด BMW OS 8.5 ที่รองรับการใช้งานสำหรับโหมดขับขี่ M โดยเฉพาะพร้อมด้วยการแสดงผลที่เพิ่มเติมจากรุ่นปกติยามซิ่งในสนามแข่ง

 

ทางด้านเวลาต่อรอบของ M4 CS ในสนาม Nürburgring ยังคงมากกว่ารุ่นพี่ M4 CSL 1.5 วินาที ทำให้จบเวลาอย่างเป็นทางการโดย BMW ที่ 7 นาที 21.99 วินาที ทั้งนี้ ลูกค้าคนพิเศษยังสามารถเลือกติดตั้งแพ็คเกจ “ultra-track” ที่มาพร้อมยางสเป็คพร้อมลงสนามรัดคู่กับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วที่คู่หน้า และ 20 นิ้วที่คู่หลัง โดยไม่ต้องเพิ่มเงินแต่อย่างใด

 

เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 2,993 ซีซี. เทอร์โบคู่ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 90.0 x 84.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 9.3 : 1 กำลังสูงสุด 550 แรงม้า ที่ 6,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-เมตร ที่ 2,750 – 5,950 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ M xDrive

ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.4 วินาที และ 0 – 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 11.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 302 กิโลเมตร/ชั่วโมง ช่วงล่างเป็นแบบ Adaptive M suspension ส่วนระบบเบรกเป็นแบบ M Compound brakes มาพร้อมคาลิปเปอร์ขนาด 6 สูบ ในด้านหน้า และ 1 สูบ ในด้านหลัง

BMW ตั้งราคาจำหน่ายของ M4 CS ไว้ที่ 124,675 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 4,577,193 บาท มากกว่ารุ่น M4 Competition xDrive อยู่ 35,200 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,292,297 บาท และจะพร้อมขึ้นสายพานการผลิตในเดือนกรกฎาคม 2024 นี้

ที่มา: Motor1