Wuling แบรนด์ภายใต้เครือ SAIC-GM-Wuling (SGMW) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนได้เปิดตัว Bingo Plus ในวันที่ 6 มีนาคม 2024 สำหรับภาคต่อของ Bingo ตัวถัง Hatchback ด้วยการต่อชื่อรุ่น Plus เพิ่มต่อท้าย และอัพเกรดให้กลายเป็นตัวถัง SUV
งานออกแบบภายนอกของ Bingo Plus ยังคงไว้ซึ่งแนวทางเดียวกันกับ Bingo ด้วยความโปร่งโล่งของห้องโดยสาร ประกอบกับความน่ารักของตัวรถ มีการติดตั้งล้ออัลลอยและชิ้นส่วนที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ โดยมีสีตัวถังภายนอกให้เลือกทั้งหมดจำนวน 3 สี ได้แก่ สีเทา Storm Gray สีเขียว Aurora Green และสีดำ Quantum Black
มิติตัวถังรถ
- ความยาว 4,090 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,720 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,575 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,610 มิลลิเมตร
- ความจุห้องเก็บสัมภาระสูงสุด 1,450 ลิตร
ภายในมาพร้อมกับโทนสีตกแต่งให้เลือกจำนวน 2 สี ได้แก่ สีเขียว Air Green และสีขาว Warm Sand White ขณะที่เบาะนั่งทั้งหมดถูกหุ้มด้วยวัสดุผ้าแบบพิเศษ พร้อมฟังก์ชั่นเบาะแถวหลังที่พับได้แบบแบนราบเพื่อเพิ่มความจุห้องเก็บสัมภาระ รวมไปถึงช่องเก็บของตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะคอนโซลแบบลอยตัวแบบ 2 ชั้น ที่สามารถจุของได้อย่างเต็มพิกัด
Bingo Plus จะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมกำลังสูงสุด 102 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 180 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่งจากความเร็ว 0-50 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 3.7 วินาที จับคู่กับแบตเตอรี่ลูกใหม่ความจุ 50.6 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อ 1 รอบการชาร์จประมาณการที่ 400 กิโลเมตร (มาตรฐาน CLTC) พร้อมด้วยรุ่นท๊อปที่อัพเกรดความจุแบตเตอรี่ไม่ทราบตัวเลข แต่สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 510 กิโลเมตร และยังสามารถชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC ได้จาก 30% – 80% ได้ภายในเวลาเพียง 30 นาที
และยังมาพร้อมระบบจัดการการระบายความร้อนแบบใหม่ “smart energy” ที่ Wuling ได้เคลมว่ามีส่วนช่วยให้ค่าอัตราสิ้นเปลืองอยู่ในช่วง 10.1 – 10.6 กิโลเมตร / kWh ซึ่งนับว่าเป็นค่าที่สูงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
ราคาจำหน่ายเริ่มต้นของ Wuling Bingo Plus สำหรับรุ่นเริ่มต้นอยู่ที่ 89,800 หยวน หรือประมาณ 4.5 แสนบาท และรุ่นท๊อป 98,800 หยวน หรือประมาณ 5 แสนบาท โดยทาง Wuling ได้ปล่อยแคมเปญส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ที่สั่งจองผ่านระบบออนไลน์ช่วงเปิดตัวที่ 4,000 หยวน หรือประมาณ 2 หมื่นบาท และยังมาพร้อมการรับประกันไม่จำกัดระยะทาง สำหรับเจ้าของที่จับจองเป็นรถ EV คันแรก ฟรีค่าบำรุงรักษาสำหรับปีแรกจำกัดระยะทาง 10,000 กม. พร้อมการใช้บริการสถานีชาร์จจำนวนกว่า 300,000 จุด ทั่วประเทศ
ที่มา: Carnewschina