โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยเปิดตัว Corolla Altis เจเนอเรชันที่สิบเมื่อปลายกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว
ด้วยเครื่องยนต์ 1.6 และ 1.8 ลิตร ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง
เมื่อผู้บริโภคเมืองไทยคาดหวังที่จะพลิกแนวกลับมาสู่แนวแห่งอนาคตแบบ Honda Civic
และหวังว่าน่าจะบรรจุเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามากกว่านี้
ทั้งที่เคยพลิกโฉม Corolla Altis โฉมที่แล้วคือสุดยอดแห่งความพลิกโฉมวงการรถ C-segment
เมื่อเริ่มยุคปี 2000 ด้วยขนาดตัวถังที่ใหญ่ล้ำหน้าคู่แข่งทั้งหมด ดีไซน์ที่หรูหราและภูมิฐานกว่าคู่แข่งมาก
ผนวกกับความลงตัวของงานวิศวกรรมเครื่องกลที่ดีกว่าคู่แข่งทั้งหมด
แต่ยิ่งนานวันพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนจากรถแนวหรูมาเป็นรถที่ออกแนวสปอร์ตมากขึ้นช่วงปี 2004-2005
ทำให้รถที่เปิดตัวด้วยแนวสปอร์ตประสบความสำเร็จอย่างงดงามทั้งมาสด้า 3 และฮอนด้า ซีวิค
หรือแม้กระทั่งรถมวยรองอย่าง ฟอร์ด โฟกัส ดีไซน์ดูแข็งแรงติดสปอร์ตเล็กน้อยเปิดตัวช่วงแรกทำยอดได้ค่อนข้างดี
สวนทางกับนิสสัน ทีด้า ที่เป็นรถธงมาแทนที่ซันนี่กลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงด้วยตัวรถที่อนุรักษ์นิยมมากสไตล์ญี่ปุ่น,
ดีไซน์ตัวซีดานที่ไม่สวย
และทำการตลาดผิดพลาดโดยตั้งราคาแพงเกินจริงอันเป็นคำสั่งประธานญี่ปุ่นคนแรกของไทย
อันที่จริงกระแสวิพากษ์วิจารณ์โคโรลล่าโฉมนี้เริ่มมีขึ้นเมื่อเปิดตัวครั้งแรกในโลกอย่างเป็นทางในงาน กวางเจา ออโตโชว์ พฤศจิกายนปี 2006 ที่ประเทศจีน
หลายคำถามมีข้อกังขาว่านี่คือรถยนต์ที่ถูกปรับปรุงเพื่อให้ต่อสู้กับ Honda Civic รหัสตัวถัง FD แล้วจริงหรือ?
เพราะงานนี้ถือว่ายังคงความอนุรักษ์นิยมมากกว่าโฉมที่แล้วเส้นสายรถถือว่าลงตัวมากขึ้น
แต่เมื่อเทียบความคาดหวังและข่าวคราวที่ว่าโตโยต้าหวาดผวาฮอนด้า ซีวิคโฉมใหม่ถึงขั้นสั่งปรับแก้ดีไซน์ใหม่เกือบทั้งคันตามที่ได้ยินก่อนหน้านั้น
ผู้บริโภคต่างพากันผิดหวังต่อการเพลย์เซฟของโตโยต้าครั้งนี้แถมไมได้มาในมาด”สปอร์ต”อย่างที่ผู้บริโภคต้องการนัก
แม้ยอดขายโคโรลล่าทั้งปี 2008 แจ้งมาว่าทำยอดขายอันดับ 1 ในตลาด C-segment
แต่ข้อกังขาต่างๆผุดขึ้นมามากมายว่ามันขึ้นอันดับ 1 แล้วจริงหรือ?
ตลาดที่ยังแข็งแกร่งอยู่คือตลาดแท็กซี่ด้วยคุณงามความดีของเครื่องตระกูล ZZ ที่ทนทานเมื่อเปลี่ยนระบบจ่ายเชื้อเพลงเป็นแก๊ซ LPG
ทำให้โคโรลล่ายังฝ่าฟันยอดขายเป็นกอบกำในปีแรก
แต่สำหรับตลาดรถส่วนบุคคลยังมีข้อกังขาว่าคิดยอดขายจากอะไรกันแน่ระหว่างยอดจอง,ยอดสั่งรถเข้าโชว์รูมหรือยอดขายที่ส่งมอบลูกค้าแล้ว
แน่นอนว่ายอดขายที่แจ้งต่อที่สาธารณะไม่โปร่งใสแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก๊อกที่สองของโคโรลล่ายังต้องดำเนินการต่อไปเพราะปีแรกยังประคองพอได้แต่ปีที่สองขึ้นไปแล้วล่ะก็ถือเป็นงานหนักของฝ่าย Product planning ในไทยที่จะต้องงัดมาใช้แน่นอน
ก่อนที่จะปล่อยก๊อกสองขอปล่อยท่อน้ำเล็กคร่าวด้วยเวอร์ชันตกแต่งพิเศษนามว่า SS-1 ย่อจากคำว่า Superb Sedan – One
จำนวนจำกัด 900 คันขัดตาทัพในช่วง บางกอก มอเตอร์โชว์ 2009
ด้วยกลยุทธ์การตลาดของโตโยต้าที่ปีนี้จะระดมส่งรถตกแต่งพิเศษมาทำตลาดตลอดปีเพื่อกระตุ้นการซื้อ
หลังจากนั้นพฤษภาคม-มิถุนายนถึงเวลาของ โคโรลล่า อัลติส เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Dual VVT-I
ที่เพิ่งเปิดตัวในตลาดฟิลิปปินส์เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์จากฐานการผลิตและส่งออกจากโรงงานเกตเวย์ ประเทศไทย
ทำให้น่าสงสัยมากว่าทำไมโตโยต้าถึงเลือกเปิดตัวเครื่อง 2.0 หลังจากเปิดตัว 1 ปีทำไมถึงไม่ส่งมาพร้อมๆกันตอนเปิดตัว
ผู้เขียนมิอาจหยั่งรู้ได้แต่วิเคราะห์สถานการณ์น่าจะเป็นเหตุผลด้านการตลาดอย่างเดียวเท่านั้น
เพราะเครื่องบล็อกนี้มีจำหน่ายในตลาดโลกช่วงปี 2007 และฝ่าย Product Planning ทั่วโลกก็ต้องรู้สเปคเทคโนโลยีใหม่ๆล่วงหน้าอยู่แล้ว
รายละเอียดทางเทคนิคโคโรลล่า 2.0 ที่จำหน่ายในฟิลิปปินส์เครื่องบล็อก 3ZR-FE ความจุกระบอกสูบ 1,986 ซีซี ระบบวาล์วแปรผันคู่ Dual VVT-I 141 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 189 นิวตันเมตรที่ 4,200 รอบต่อนาที จับคู่ด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super ECT 4 สปีดตัวเดียวกับปัจจุบันแต่เพิ่มลูกเล่นใหม่คือ PaddleShift ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์บริเวณพวงมาลัย
ส่วนรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงคือกระจังหน้าเป็นแบบตะแกรงตาข่ายสีดำและติดตั้งระบบ Smart Entry รอบคันรวมทั้งระบบ Push Start ด้วย
นี่คือไม้เด็ดสำหรับต่อสู้ Civic Minorchange อย่างดุเดือดและสร้างความน่าสนใจให้กับตนเองก่อนที่จะแผ่วช่วงกลางอายุตลาด
น่าสงสัยว่าโตโยต้าจะจัดการรุ่นรถของตนอย่างไรมีความเป็นไปได้สูงมากกว่าอาจจะเพิ่มรุ่นย่อย 1.8 ลิตรรุ่นล่างสุดราคาประมาณ 7.99-8.19 แสนบาทออกมาและตัดรุ่น 1.8G ราคา 979,000 บาททิ้งเพื่อให้ช่องว่างรุ่น 2.0 ขยับเข้ามาใกล้เคียงกับคู่แข่งและราคาจะไม่ชนกับ คัมรี่รุ่นล่าง 2.0 ลิตรอีกด้วย
กลยุทธ์ของโตโยต้าอาจจะให้โคโรลล่า 2.0 รุ่นล่างสุดทำราคาพอๆกับ Civic 1.8 รุ่นบนสุดก็เป็นไปได้อีกเช่นกัน
ต้องจับตาดูว่าโคโรลล่าจะไปได้สวยในปีที่สองหรือไม่
และต้องมองยาวๆไปถึงปีต่อๆไปจนกว่าจะ Modelchange อีกทีราวปีี 2012-2013