หนึ่งในรถยนต์รุ่นดังในอดีตที่ยังมีให้เห็นพบได้บนท้องถนนทั่วไปกับ E-Class W123 ซึ่ง
Mercedes-Benz พึ่งจะประกาศฉลองที่รถยนต์รุ่นนี้เปิดตัวมาได้เป็นเวลา 40 ปีแล้ววันนี้เรา
จึงนำประวัติและเรื่องเล่าเล็กๆน้อยๆมาฝากกันเสียหน่อยเพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะเห็นรถ
ซักรุ่นหนึ่งที่อายุหลายทศวรรษแล้วแต่ยังคงพบเห็นได้ทั่วไปถึงบางคันจะมีสภาพไม่ได้ดีนัก

W123 เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 28 มกราคม 1976 ที่สนาม Paul Ricard ทางตอนใต้ของประเทศ
ฝรั่งเศสเพื่อมาเป็นตัวแทน /8 หรือเบนซ์ตาตั้งแตนนั่นเอง ซึ่ง W123 นั้นใช้ Design Language
จาก S-Class ตัวถัง 116 และ SL Class ตัวถัง 107 สังเกตได้จากไฟหน้าแนวนอนที่ต่างจากเดิมที่
เป็นแนวตั้งพร้อมดีไซน์ที่จัดว่าดูดีพร้อมคิ้วรอบคัน มีให้เลือก 3 แบบตัวถังคือ Saloon 4 ประตู,
Estate 5 ประตู, และ Coupe 2 ประตู

W123 นั้นมาพร้อมกับความสะดวกสบายและความปลอดภัยเนื่องจากพื้นที่ในห้องโดยสารนั้นมีมาก
และยังมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากตัวถังนั้นมี Crumble Zone เพื่อรองรับแรงกระแทกเวลาเกิด
อุบัติเหตุ, มีถุงลมนิรภัยคนขับเป็นรุ่นแรกใน E-Class, มีถุงลมนิรภัยฝั่งผู้โดยสารให้เลือกเป็น option
สำหรับรุ่นที่ผลิตหลังปี 1982, คานประตูที่ออกมาให้รับแรงกระแทกได้ดีกว่า, และ Safety Steering Shaft
หรือแกนพวงมาลัยที่หักได้เวลาเกิดอุบัติเหตุชนหน้า

อีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจะไม่รู้มาก่อนคือตัวถัง W123 นั้นเคยถูกนำมาใช้กับพลังงานทางเลือกด้วย โดย
ในปี 1981 รุ่น 200 นั้นถูกนำมาพัฒนาต่อยอดเป็นรถ bi-fuel ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงทั่วไปและ
แก็สปีโตรเลียมเหลว ในปีต่อมาซึ่งก็คือปี 1982 นั้น มีการนำเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้ามาใช้ใน W123
ตัวถัง Estate และปี 1983 นั้นมีการนำ 280 TE ทดสอบวิ่งด้วยการใช้พลังงานไฮโดรเจนซึ่งน่าแปลกใจ
เมื่อพบว่าทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว

W123 นั้นประสบความสำเร็จอย่างมากถึงกับขนาดที่ว่ารถยนต์ล็อตแรกนั้นขายหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว
แถมราคา W123 ในตลาดรถยนต์มือสองปีแรกนั้นราคาเท่ากับตอนซื้อมาป้ายแดงเลยทีเดียว ซึ่งถ้าจะจำ
แนกแล้วรถยนต์รุ่นนี้แบ่งออกเป็น 9 รุ่นย่อยตั้งแต่ 200 d ยัน 280 E มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและ
ดีเซลและมียอดจำหน่ายทั้งหมดตั้งแต่ออกจำหน่ายครั้งแรกจนถึงเดือนพฤศจิกายน 1985 กว่า 2.7 ล้านคัน

แบ่งเป็น
– Saloon 4 ประตู 2,375,440 คัน
– Estate 5 ประตู 199,517 คัน
– Coupe’ 2 ประตู 99,884 คัน

นอกจากนี้ยังมีรุ่นฐานล้อยาวอีก 13,700 คันรวมไปถึงรุ่นตัวถังพิเศษอื่นๆอีก 8,373 คัน ก่อนที่รุ่น W124
จะมาสืบทอดความสำเร็จในเวลาต่อมา แต่ Estate นั้นยังอยู่ในตลาดจนถึงเดือนมกราคม 1985 ในบัดนี้
W123 จัดว่าขึ้นแท่นคลาสสิกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วใครที่มีอยู่ก็ขอให้รักษาไว้ให้ดีเพราะเริ่มมีคนตาม
เก็บกันแล้ว

.

ที่มา : autoevolution, carscoops