มอเตอร์โชว์ที่โดดเด่นช่วงต้นปีจนถึงมีนาคม เชื่อว่าเจนีวามอเตอร์โชว์เป็นงานระดับโลกลำดับต้นๆ
ที่คนรักรถต้องนึกถึงด้วยจังหวะเวลาที่เหมาะสมและความสำคัญระดับ Global
ไม่อิงตลาดใดตลาดนึงมากจนเกินไปทำให้กระแสสื่อมวลชนพุ่งเป้างานนี้มากกว่างานใดๆในช่วงต้นปี

แม้กระแสเศรษฐกิจจะซบเซาทั่วโลกแต่แผนก็คือแผนอยู่วันยังค่ำค่ายรถยนต์ทุกค่ายเห็นความสำคัญงานนี้มาก
ไม่มีค่ายใดยกเลิกจัดบูธกันเลยแม้ค่าใช้จ่ายจะสูงลิ่วแต่ศักดิ์ศรีตลาดยุโรปไม่อยากยอมเป็นรองใคร

ทัวร์เจนีวา 2009 ออนไลน์ไม่ต้องตีตั๋วแพงๆ แค่เปิดหน้าคอมเท่านั้น  Headlightmag.com
สรุปไว้ให้คุณอ่านคร่าวๆ เพื่ออัพเดทโลกข่าวสารกัน
ปฐมฤกษ์คงต้องเป็นรถแบรนด์ญี่ปุ่นกันก่อนผู้เขียนขออนุญาตนำรถเด่นๆที่เปิดตัวในงานนี้ครั้งแรกในโลกนะครับ

 

Toyota

งานนี้ขอเอาใจตลาดยุโรปเป็นหลักชนิดที่ตลาดอื่นต้องหันมามองแต่จะมองค้อนหรือมองแล้วเฉยชาหรือไม่ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของตนเอง
Toyota Verso คือตัวตายตัวแทน Toyota Corolla Verso มินิแวน 7 ที่นั่งออกแบบเอาใจตลาดยุโรปโดยเฉพาะมีขายภูมิภาคเดียวทั่วโลก

ทำไมเหลือแต่ชื่อ Verso เดี่ยวๆทั้งที่แต่ก่อนจะใช้หลากตระกูลทั้ง Yaris Verso (ยกเลิกทำตลาดเมื่อหมดปลายอายุ),Corolla Verso และ Avensis Verso
ก็เพราะวางกลยุทธ์ตลาดมินิแวนให้มีแค่รุ่นเดียวแต่สามารถตอบสนองความต้องการของคนยุโรปเป็นหลักมากกว่าจะทำเผื่อไว้ 2-3 รุ่นอย่าง
แต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะตัวรถไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบัน

 

การออกแบบอาศัยเส้นสายจาก Avensis รถ D-segment เอาใจตลาดยุโรปอีกเช่นเคย
และ Corolla C-segment  ยอดนิยมมาผสมรวมกันภายใต้ขนาดตัวถังคอมแพคท์มินิแวนกะทัดรัด

แต่นั่งได้ 7 ที่นั่ง อเนกประสงค์ด้วยระบบพับเบาะแบบ Easy-Flat 7 พนักพิงทุกที่นั่งพับลงได้อิสระ

ออกแบบคอนโซลหน้าตามแนวคิด Smart Wave ดูคล้ายลูกคลื่น แผงควบคุมกลางเน้นศูนย์กลาง (Centric) ให้สมาชิกในครอบครัวใช้งานได้

ทีเด็ดที่เครื่องยนต์ใหม่ที่เรียกว่า Toyota Optimal Drive 1.6 ลิตร Valvemetic 132 แรงม้า 160 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที ,1.8 ลิตร Valvemetic 145 แรงม้า 180 นิวตันเมตรที่ 4,600 รอบ/นาที ลดค่าไอเสีย CO2 ถึง 20% และประหยัดกว่าเดิม 12%

หลายท่านอาจสงสัยว่ามันเกี่ยวข้องกับบ้านเราตรงไหนบ้าง ต้องบอกไว้เลยว่าไม่เกี่ยวข้องกับเมืองไทยแน่นอน
และไม่เกี่ยวข้องกับ Toyota Wish โฉมใหม่ที่จะเปิดตัวในญี่ปุ่นเดือนหน้าซึ่งหมดโอกาสสัมผัสแน่ๆในไทย
ผลจากการที่โตโยต้า มอเตอร์ประเทศไทยยุติการผลิตวิชใหม่


Nissan

มีของมาอวดหลายรุ่นแต่ครั้งแรกของโลกเลยก็ต้องเป็น Qazana Concept  ต้นแบบครอสโอเวอร์ขนาด B-segment
มีคู่แข่งในตลาดน้อยและถือว่ายังพอมีพื้นที่อยู่บ้าง ผลจากความสำเร็จของ Nissan Qashqai  จึงนำสูตรสำเร็จมาปรับใช้แน่

 

รถคันจริงของ Qazana หรือ production car ต้องรอขึ้นสายการผลิตซันเดอร์แลนด์ที่อังกฤษต้นปีหน้า
ส่วนสายการผลิต Nissan Micra/March จะย้ายไปประกอบที่อินเดียซึ่งทำต้นทุนได้ต่ำกว่าและนำเข้าจากที่นี่แทน

ถึงรถจะดูหลุดโลกจนดูไม่ออกว่าหน้าตาที่แท้จริงเป็นอย่างไร มองมุมเฉียง 45 องศาพอมองเห็นเค้าอยู่ลางๆ เส้นสายต่างๆนำเอกลักษณ์ของนิสสันทุกอย่างมารวมกันหมดตั้งแต่ Murano,Qashqai,GTR,370Z แต่ที่แน่ๆ ไฟท้ายบูมเมอแรงคือเทรนด์การออกแบบใหม่ที่จะใส่ในรถยนต์นั่งรุ่นใหม่เร็วๆนี้

ทีเด็ดอีกอย่างหนึ่งคือ Nissan NV200 รถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเบาลำดับที่ 2 ตามนโยบาย GT2012 ทรวดทรงเป็นแบบรถตู้ขนของยอดนิยมของฝั่งยุโรป
แต่หน้าตาจะอ่อนละมุนขึ้น หลายท่านที่ยังสงสัยว่าคันนี้มีหน้าที่อะไร?

ขอตอบให้ว่ามันเป็นรถที่ต้องท้าชนกับ Citreon Berlingo,Peugeot Partner ถูกสร้างบนพื้นฐาน B-platform ขับเคลื่อนล้อหน้าแต่ช่วงล่างหลังติดตั้งแหนบแผ่นเพื่อประสิทธิภาพการบรรทุก เครื่องยนต์ใช้ร่วมกับ Tiida เหมือนกันทุกประการ
จำหน่ายทั้งเวอร์ชันรถโดยสาร 7 ที่นั่งทำตลาดต่ำกว่า Nissan Serena และเวอร์ชันบรรทุกของทั้งตู้ทึบ/ตู้กระจก

ที่มาของรูป
www.thesun.co.uk
www.roadlook.pl


Mazda

 

เพิ่งเปิดตัวมาสด้า 3 โฉมใหม่ไม่นานเพื่อไม่ให้ขาดตอนต้องปล่อย Mazda 3 MPS เวอร์ชันแรงมากระตุ้นความสนใจให้ดังตลอดปี
สิ่งแปลกปลอมที่เพิ่มขึ้นได้แก่สกู้ปดักลมหน้าทรงเท่ห์ระบายอากาศ intercooler,สเกิร์ตและสปอยเลอร์รอบคัน บนล้ออลูมิเนียม 18 นิ้ว

 

ปรับปรุงภายในให้สปอร์ตเร้าใจมากขึ้นได้แก่เปลี่ยนเบาะนั่งแบบกึ่ง bucket seat ,
ตกแต่งสีภายในใหม่ ปรับปรุงรายละเอียดทางเทคนิครอบคันเพื่อรองรับสมรรถนะที่สูงมากขึ้น

ไฮไลต์เด็ดของ MPS คงหนีไม่พ้นเครื่องยนต์ 2.3 ลิตร DISI ฉีดเชื้อเพลิงตรงพร้อมเทอร์โบชาร์จ
แรงจัดจ้านมากถึง 260 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 380 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบ/นาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรทำได้ภายใน 6.1 วินาที
เห็นแรงแบบนี้แต่รักษาสิ่งแวดล้อมอยู่หมัดผ่านมาตรฐานยูโร 5 อันเข้มงวดที่สุด อัตราสิ้นเปลืองพอจะเป็นมิตรที่ 9.7 ลิตร/100 กิโลเมตร

 


Mitsubishi

ไม่เน้นรถใหม่แต่เน้นวิสัยทัศน์ใหม่เพราะจะข้ามสเตปไปที่รถไฟฟ้ามากกว่ารถไฮบริด
วิสัยทัศน์ใหม่ถูกโชว์ผ่านรถต้นแบบชื่อว่า Mitsubishi I MIEV Sport Air
พัฒนาจากพื้นฐานรุ่น I เคคาร์ทรงล้ำที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยจับมาขยายตัวถังและเพิ่มความน่ารักน่าชังแนวสปอร์ต
ดีไซน์ท้ายให้ลาดและมีหลังคากระจกรอบคันให้ความรู้สึกโปร่ง

ขนาดตัวถังใหญ่กว่า ไอ ทุกมิติ ความยาว 3,650 มม ความกว้าง 1,600 มม ความสูง 1,520 มม ฐานล้อขาว 2,550 มม.
น้ำหนักเบาแค่ 980 กิโลกรัมเพราะลดน้ำหนักตัวถังด้วยการใช้ชิ้นส่วนพลาสติคทดแทนบางส่วน
วิศวกรพยายามทำให้จุดศูนย์ถ่วงตัวรถต่ำลงและกระจายน้ำหนักหน้าหลังให้เท่ากัน

เทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าถูกวางบนพื้นฐาน rear-midship เหมือนกับไอให้กำลังสูงสุด 60 kw แรงบิดสูงสุดมากถึง 230 นิวตันเมตร
เก็บประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไออน 330V

น่าสังเกตมากว่าความเคลื่อนไหวของ I miev Sport Air  นอกเหนือจะบอกความเคลื่อนไหวของรถพลังไฟฟ้าของมิตซูบิชิเองในอนาคต
แต่อีกไม่นานเชื่อว่า ไอ จะมีเวอร์ชันตัวถังกว้างออกมาในตลาดตามที่เคยตกเป็นข่าวมาก่อนหน้านั้น

ที่มาของรูปภาพ
www.jalopnik.com
www.roadlook.pl

ส่วนค่ายรถอื่นๆเช่น Honda,Subaru ต้องขอกล่าวเสียใจว่าไม่มีรถใหม่หรือรถต้นแบบเปิดตัวที่นี่เลยครับเป็นไปได้ว่าอาจจะขอพักผ่อนสัก 1 ปี
คราวหน้าค่อยลุยใหม่