Toyota เรียกกระแสฮือฮาอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Crown ตัวถัง Sedan ในแบบฉบับรถต้นตำรับของตระกูลนี้ นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในช่วงปี 1950 จนกระทั่งมาถึงในช่วงที่ความนิยมรถซีดานถดถอย หลังจากกระแสฮิตรถ SUV เริ่มเข้ามาแทนที่ จนกระทั่ง Toyota ได้ตัดสินใจยกเครื่องรถตระกูล Crown ในตลาดอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Crown ทั้งหมดกว่า 4 รูปแบบตัวถัง ได้แก่ Crown (Crossover Sedan) Crown Sport Crown Estate และ Crown Sedan ซึ่งรุ่นหลังสุดนี้จะใช้โรงสร้างและงานวิศวกรรมพื้นฐานแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ด้วยการพัฒนาร่วมกันกับ Mirai รถซีดานขุมพลัง Hydrogen fuel cell ที่วางจำหน่ายไปก่อนหน้านี้
โดยหลังจากประเดิมการบุกตลาดด้วยรุ่น crossover ทั้งในประเทศบ้านเกิดและอเมริกาเหนือ ก่อนที่กำลังจะตามมาด้วย Crown Sport ตัวถัง SUV ขนาดย่อม แต่ในประเทศญี่ปุ่นก็กำลังตื่นตากับการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของ Crown Sedan ที่มาพร้อมพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังจุใจกว่าทุกรุ่นที่ใช้ชื่อรุ่น Crown ด้วยกันในปัจจุบันนี้
ด้วยความยาวฐานล้อกว่า 3,000 มิลลิเมตร ทำให้ Crown Sedan ตอบโจทย์อัครยานยนต์สุดหรู ที่มอบประสบการณ์การเดินทางสุดแสนจะสบาย เน้นผู้โดยสารตอนหลังเป็นหลัก ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะติดตั้งช่วงล่างแบบถุงลมที่สามารถปรับระดับได้ตามความเหมาะสมของพื้นถนน เพียบพร้อมไปด้วยวัสดุตกแต่งคุณภาพสูงทั้งคัน ไม่ว่าจะเป็นลายไม้และไฟประดับประดาตามจุดต่างๆ ทั้งหมดนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอารยธรรมของชาวญี่ปุ่น
สำหรับขุมพลังที่มีให้เลือก 2 แบบ ด้วยกัน ได้แก่
ขุมพลังเบนซิน 2.5 ลิตร multi-stage hybrid system ชุดใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมมอเตอร์ขับเคลื่อน 2 ตัว และชุดส่งกำลังใหม่ที่เรียงอัตราทดได้ดีกว่าเดิม โดยทำให้พละกำลังสูงสุดของมอเตอร์สามารถปลดปล่อยออกมาได้ตั้งแต่ความเร็ว 48 กิโลเมตร/ชั่วโมง จากที่เดิมทีจะต้องวิ่งเร็วกว่า 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยยังคงคุณงามความดีด้านการทดรอบเครื่องยนต์ให้ต่ำลงในย่านความเร็วสูงเพื่อให้สามารถทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ต่ำกว่ารถในกลุ่มเดียวกัน
นอกจากนี้ยังมาพร้อมทางเลือกขุมพลัง Hydrogen fuel cell ที่ยกชุดจาก Mirai ซึ่งเมื่อเติมก๊าซไฮโดรเจนเต็มถังแล้ว จะสามารถวิ่งได้ไกลสุด 820 กิโลเมตร ด้วยถังบรรจุก๊าซทั้งหมดจำนวน 3 ถัง ที่สามารถเติมให้เต็มได้ภายในเวลาเพียง 3 นาที นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นพลังงานสำรองได้ยามจำเป็นอีกด้วย
Toyota ประกาศราคาจำหน่ายเริ่มต้นของ Crown ขุมพลัง Hybrid ไว้ที่ 7.3 ล้านเยน หรือประมาณ 1,732,844 บาท ขณะที่รุ่น ขุมพลัง Hydrogen fuel cell มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 8.3 ล้านเยน หรือประมาณ 1,970,719 บาท โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 600 คันต่อเดือน และยังไม่มีกำหนดการวางจำหน่ายนอกประเทศญี่ปุ่นแต่อย่างใด
ที่มา: Carscoops