นอกเหนือจากรถ EV ทรงสปอร์ตอย่าง FT-Se ที่มาพร้อมรูปทรงถ่ายทอด DNA จากเหล่ารถสปอร์ตรุ่นต่างๆ ทั้ง Supra และ GR86 โดยออกแบบให้เสมือนเป็นรถสปอร์ตเครื่องวางกลางอย่าง MR2 กลับชาติมาเกิดในรูปแบบรถขุมพลังไฟฟ้าล้วน เพื่อให้ไม่ตกเทรนด์รถสปอร์ตรักษ์โลกกับค่ายอื่นๆ
Toyota ยังได้เปิดตัวรถ Crossover ขุมพลังไฟฟ้าล้วนรุ่น FT-3e ที่มาพร้อมความอเนกประสงค์ในแบบที่รถสปอร์ตให้ไม่ได้ แต่ใครจะรู้เล่าว่า แท้จริงรถทั้งสองรุ่น ต่างร่วมใช้ชิ้นส่วนดขุมพลังไฟฟ้าล้วนด้วยกัน และด้วยชื่อ FT ที่ย่อมาจาก “Future Toyota” ขณะที่เลข 3 หมายถึงรถ crossover ที่มีขนาดย่อมกว่า bZ4X นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม งานออกแบบของรถทั้งคันกลับมีความเป็นพี่น้องใกล้เคียงกันกับรถตระกูล bZ มากกว่า จึงอาจเป็นรถ Sport crossover ที่เข้ามาทำหน้าที่ในฐานะ bZ รุ่นต่อไป
ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การติดตั้งหน้าจอขนาดเล็กที่บริเวณด้านข้างประตู ซึ่งจะบ่งบอกข้อมูลที่จำเป็นต่อการขับขี่ ทั้งอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร คุณภาพอากาศภายในห้องโดยสาร รวมไปถึงปริมาณพลังงานในแบตเตอรี่ นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยผ่านลายนิ้วมือ ติดตั้งบริเวณเสา B และ C เพื่อใช้ในการปลดล็อคตัวรถ โดยติดตั้งช่องชาร์จไฟไว้ที่บริเวณซุ้มล้อด้านซ้าย แทนที่บริเวณกันชนหน้าเหมือนกับ bZ4X
เส้นสายภายนอกมาพร้อมกับหลังคาที่ตัดตรงเพื่อมอบพื้นที่เหนือศีรษะมากพอสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ขณะที่ภายในห้องโดยสารก็มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลข้อมูลต่างๆ อย่างครบครัน ประกอบไปด้วยหน้าจอขนาดพวงมาลัย 2 ตำแหน่ง สำหรับการควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ แทนที่ปุ่มกดสั่งการ ขณะที่กระจกมองข้างถูกแทนที่ด้วยกล้องมองข้าง โดยจะฉายภาพมายังหน้าจอบริเวณด้านล่างของเสา A ทั้ง 2 ข้าง พร้อมด้วยกระจกมองหลังที่ถูกแทนที่ด้วยหน้าจอ Digital ยังไม่นับรวมหน้าจอมาตรวัดแสดงผลข้อมูลการขับขี่และหน้าจอกลางสำหรับการเชื่อมต่อและความบันเทิงต่างๆ
นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน้าจอ Head-up display ที่บอกข้อมูลทั้งหมดอย่างครบครัน ขณะที่ปุ่มกดต่างๆ ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นหน้าจอระบบสัมผัสแทน ทำให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารเหลือเพียงพอสำหรับผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคอนโซลระหว่างเบาะนั่งคู่หน้า ที่มาพร้อมแท่นวางแขนประดุจเบาะนั่งบนเครื่องบิน พร้อมกับพวงมาลัยที่เว้นช่องว่างเพื่อให้สามารถมองเห็นหน้าจอมาตรวัดได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น
กำหนดการเปิดตัวของ FT-3e ในเวอร์ชั่นผลิตจำหน่ายจริงจะต้องการการยืนยันจาก Toyota ในภายหลัง
ที่มา: Motor1