หลังจาก Volkswagen Group ตัดสินใจซื้อหุ้น ItalDesign Giugiaro จนเป็นบริษัทภายใต้ร่มเงาเดียวกันเพื่อรับผิดชอบการออกแบบรถยนต์ภายในเครือทั้งหมดเท่านั้น ลองคิดดูสิว่าภายในปี 2018 Volkswagen Group จะเปิดตัวรถใหม่มากกว่า 50 รุ่นก็คงไม่มีทางที่จะออกแบบรถยนต์เสร็จได้ทันแน่นอน ดังนั้นการซื้อหุ้น ItalDesign ไว้ถือว่าคิดถูกระดับหนึ่ง
แต่จะคิดถูกหรือคิดผิดนั้นก็ต้องวัดฝีมือการออกแบบอีกทีหนึ่ง ดังนั้น ItalDesign Giugiaro จำเป็นต้องพิสูจน์ตนเองด้วยการอวดโฉมรถต้นแบบ Volkswagen Tex และ Go! บอกทิศทางการออกแบบรถยนต์นั่งขนาดเล็กของ Volkswagen
เราต้องบอกกันก่อนไว้ว่าทีมงาน ItalDesign Giugiaro น่าจะได้รับโจทย์จาก Volkswagen Group ที่เก็บข้อมูลวิจัยรถขนาดเล็กในอนาคตเพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น อีกทั้งทีมงาน ItalDesign ก็ต้องรวบข้อมูลแนวโน้มพฤติกรรมลูกค้ากับการใช้รถยนต์ขนาดเล็กด้วยตนเองด้วย ดังนั้นแนวคิดการออกแบบรถยนต์คันนี้น่าจะมีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดและทิศทางแบรนด์ในเครือภายภาคหน้าได้
แต่ใช่ว่าทีมงาน ItalDesign จะออกแบบตามใจปรารถนาได้ พวกเขาก็จะต้องถูกควบุคมงานออกแบบโดย Mr. Walter de’ Silva อีกขั้นหนึ่ง
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือรถต้นแบบ 2 คันถูกสร้างบนพื้นตัวถัง MQB ได้แก่ Volkswagen Tex คือรถคูเป้ 3 ประตูขนาดเล็กและ Volkswagen Go! มินิแวนขนาดเล็กฐานล้อยาวสะใจ
เริ่มจาก Volkswagen Go! มินิแวนไฟฟ้าขนาดเล็กเล็กมีความยาวตัวถังไม่เกิน 4 เมตรแต่ฐานล้อยาวมากถึง 2,700 มม. ติดตั้งแบตเตอรี่ใต้เบาะหน้า-หลัง กระจายสัดส่วนน้ำหนักตัวถังด้านหน้า 58% และด้านหลัง 42%
ทีมงานอาศัยประสบการณ์ออกแบบรถเล็กที่มีเนื้อที่ใช้สอยในห้องโดยสารมากหลายรุ่นแล้ว อาทิ รถ Taxi New York ปี 1976, MegaGamma ในปี 1978, Structura ปี 1998 และ Proton Emas ในปี 2010 มาประยุกต์จนได้ Volkswagen Go! ที่มีเนื้องที่ห้องโดยสารมากกว่ารถเอสยูวีขนาดใหญ่เสียอีกทั้งยังมีเนื้อที่ห้องสัมภาระมหัศจรรย์ถึง 400-525 ลิตร
นอกเหนือจากภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางเกินตัวแล้ว มันยังติดตั้งกระจกพาโนรามิคถึงผู้โดยสารตอนหลังอีกด้วย ถ้ายังปลอดโปร่งไม่พอกระจกบานประตูทั้ง 4 บานก็ขยายขนาดให้โปร่งแสงยึ่งกว่าเดิมและขอบกระจกล่างขยับลงต่ำ โปร่งโล่งขนาดนี้คงยากที่จะขับในเมืองไทยได้หากไม่ติดฟิล์มกรองแสงป้องกันรังสี UV แล้วล่ะก็ น่าจะร้อนเอาการ
ตำแหน่งเบาะนั่งของ Volkswagen Go! จะถูกขยับในตำแหน่งที่สูงกว่ารถตลาดทั่วไปแต่ก็ยังเตี้ยกว่ารถเอสยูวี ทำให้การขยับโยกย้ายร่างกายเข้าออกห้องโดยสารกระทำได้สะดวกมาก
ภายในห้องโดยสารมีจุดเด่นที่ความสะดวกสบายมากกว่าโชว์ความล้ำสมัยและความสะดวกสบายตามหลักสรีระศาสตร์ ItalDesign พยายามตีโจทย์การใช้รถในเมืองได้แตกฉานกว่าที่คิดด้วยการเพิ่มลูกเล่นกล่องเก็บของกลางหรือที่ท้าวแขนสามารถเลื่อนไปยังห้องโดยสารตอนหน้าและตอนหลังได้ซึ่งแนวคิดนี้คล้าย ๆ กับ Mazda Premacy และ Nissan Serena
ความชาญฉลาดของ ItalDesign ก็คือพวกเขาทราบดีว่าการขับรถจอดในที่แคบเป็นเรื่องยากลำบากแล้ว แต่การออกจากรถในที่แคบลำบากยิ่งกว่า ดังนั้นการติดตั้งกล่องเก็บของที่เป็นที่ท้าวแขนในตัวเลื่อนไปมาได้ก็ทำให้ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารตอนหน้าเดินอ้อมไปยังด้านหลังแล้วเปิดบานประตูสไลด์ด้านหลังลงรถอย่างสวยงามได้
ขุมพลังของ Volkswagen Go! เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าระบบ Blue-e-motion ที่ Volkswagen เป็นฝ่ายพัฒนามีระยะทางวิ่งสูงสุด 240 กิโลเมตร
อีกคันหนึ่งที่น่าสนใจคือ Volkswagen Tex รถคูเป้ 3 ประตูที่มีเส้นสายง่าย ๆ แต่แข็งกร้าวสืบสายตำนานรถสปอร์ตแห่งแบรนด์ Volkswagen ได้อย่างลงตัวและกำหนดเทรนด์การออกแบบรถสปอร์ตยุคใหม่ของ Volkswagen ในอนาคตได้
Volkswagen Tex มีความสูงตัวรถเพียงแค่ 1,355 มม. กว้าง 1,750 มม. ด้านหน้าดูผอมเพรียวเหมือนกับรถสปอร์ตยุค 80 ที่มีหน้าต้านแคบมาก ๆ พร้อมฝากระโปรงหน้าขึ้นสันรูปตัว V ติดตั้งล้อขนาด 19 นิ้ว ออกแบบให้มีช่องดักลมด้านข้างบริเวณประตูหน้า
เมื่อเป็นรถสปอร์ตก็ไม่จำเป็นต้องออกแบบให้มันอึดอัด งานนี้ทีมงานติดตั้งกระจกพาโนรามิคบนหลังคากินเนื้อที่ไปยังห้องโดยสารตอนหลัง
ภายในห้องโดยสารก็มีแนวคิดเดียวกับ Go! ก็คือเน้นเนื้อที่ห้องโดยสารและสรีระมาก การจัดวางอุปกรณ์ห้อมล้อมผู้ขับขี่ให้อารมณ์เดียวกับรถสปอร์ตทั่วไป วัสดุการตกแต่งก็คัดสรรมาอย่างดีเพื่อให้อารมณ์เดียวกับรถยุคก่อน รวมทั้งแผงมาตรวัดก็ใช้ตัวอักษรและระบบอนาล๊อคแทนที่จะใช้หน้าจอสี
ขุมพลังของ Volkswagen Tex ใช้ระบบ Plug-in Hybrid ที่เรียกกันว่า Twin Drive พ่วงด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 1.4 ลิตรเทอร์โบ พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า 113 แรงม้า และสามารถรีดแรงบิดสูงสุด 40 กิโลกรัมเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้าจับคู่เกียร์อัตโนมัติ Direct Shift 7 จังหวะ
ยิ่งเป็น Hybrid ยิ่งดีใหญ่เพราะสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุด 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากคุณอยากจะประหยัดน้ำมันถึงวินาทีสุดก็ใช้โหมดพลังงานไฟฟ้าซึ่งมีระยะทางวิ่งสูงสุด 35 กิโลเมตร
ส่วนทั้งสองคันจะถูกสานต่อกลายเป็นรถยนต์ Volkswagen รุ่นต่อไปหรือไม่คงต้องติดตามชมครับ