ไม่ต้องสรรหาคำบรรยายอะไรมากมายอีกแล้วสำหรับการเปิดตัว รถสปอร์ตรุ่นใหม่ ของค่ายกระทิงดุ จาก
อิตาลี เพื่อมาทำตลาดแทน รถสปอร์ตรุ่น Mucielargo ที่เพิ่งจะยุติการผลิตไปก่อนหน้านี้ไม่นานนัก เพราะ
การเปิดตัว บนแท่นหมุนในงาน Geneva Motor Show ในปีนี้ ถือว่าทำให้ Lamborghini Aventador LP700-4
คันนี้ กลายเป็นดาวเด่นของงานประจำปีนี้อย่างไม่มีข้อกังขา

Lamborghini เตรียมงานพัฒนา และวางแผนด้านต่างๆ เพื่อสร้างรถรุ่นนี้มาหลายปีแล้ว และวันนี้ถึงเวลา
ที่พวกเขา จะส่งรถซูเปอร์สปอร์ตคาร์ คันนี้ สร้างความตื่นตะลึงให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก
มากเกินกว่าการเปิดตัวครั้งก่อนๆของพวกเขา ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยสมรรถนะที่เกินกว่าคำว่า
ร้อนแรงไปไกลโข

ตัวรถมีความยาวทั้งคัน 4,780 มิลลิเมตร ความกว้างไม่รวมกระจกมองข้าง มากถึง 2,030 มิลลิเมตร สูงเพียง
1,136 มิลลิเมตร ส่วนระยะฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร (เท่ากับ Honda Civic FD) ความกว้างช่วงล้อหน้า 1,720
มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหลัง 1,700 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวเปล่า เบามาก เพียง 1,575 กิโลกรัม เท่านั้น!!
กระจายน้ำหนักรถอยู่ที่ระดับ หน้า 43% หลัง 57% ถังน้ำมันมีควาจุ 90 ลิตร ใช้น้มันเครื่อง 13 ลิตร ส่วน
ระบบหล่อเย็นอยู่ที่ 25 ลิตร

ขุมพลังเป็นแบบ V12 สูบ ทำมุม 60 องศา DOHC 48 วาล์ว 6,498 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 95 x 76.4 มิลลิเมตร
กำลังอัด 11.8 : 1 +/- 0.2 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ MPI พร้อมระบบแปรผันวาล์ว Variable Valve
Timing Electronically Control ควบคุมการทำงานด้วยกล่อง ECU ที่เรียกว่า Lamborghini Iniezione Elettronica
(LIE) with Ion current analysis อ่างน้ำมันเครื่องแบบ Dry Sump ระบายความร้อนด้วยระบบ Water and oil cooling
ติดตั้งอยู่ด้านหลัง พร้อมกับช่องรับอากาศแบบ variable air inlets กำลังสูงสุด มหาศาลถึง 700 แรงม้า (HP) หรือ
515 กิโลวัตต์ ที่ 8,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 690 นิวตันเมตร หรือ 70.31 กก.-ม.ที่ 5,500 รอบ/นาที ผ่านมาตรฐาน
มลพิษในระดับ Euro V / LEV2 ด้วยการติดตั้ง Catalytic converters พร้อมกับ lambda sensors

ส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ 4WD พร้อมกับชุดเพลาขับ Haldex generation IV ด้วยเกียร์กึ่งอัตโนมัติ
Dual Clutch 7 จังหวะ  ISR ที่สามารถปรับรูปแบบการเปลี่ยนเกียร์ได้ ขึ้นอยู่กับการเลือกกดปุ่มบนสวิชต์ควบคุม
ของผู้ขับขี่ คลัชต์เป็นแบบแห้ง 2 แผ่น เส้นผ่าศูนย์กลาง 235 มิลลิเมตร

โครงสร้างตัวถังเป็นแบบ Monocoque ทำจาก Carbn Fiber พร้อมเฟรมอะลูมีเนียม ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ชิ้นส่วนฝากระโปรงห้องเครื่องยนต์ ทำจาก Carbon Fiber ฝากระโปรงหน้าและชิ้นส่วนตัวถังเกือบรอบคันทำจาก
Aluminium ระบบกันสะเทือนทั้งด้านหน้าและหลังเป็นแบบ วางช็อกอัพ Mono-tube ของ Ohlins ตามขวาง
และถือเป็นครั้งแรกของการนำเทคโนโลยีช่วงล่างแบบ push-rod system จากในรถแข่ง มาใช้กับรถผลิตขายจริง
มระบบควบคุมเสถียรภาพ ESP (Electronic Stability Program ทำงานร่วมกับระบบป้องกันล้อล็อก ABS ที่สามารถ
เชื่อมต่อกับระบบเลือกโหมดการขับขี่ เพื่อการตอบสนองที่แตกต่างกันได้ ดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ จานคู่หน้ามีขนาด
เส้นผ่าศูนย์กลาง 400 x 38 มิลลิเมตร คาลิเปอร์แบบ 6 ลูกสูบ ส่วนล้อคู่หลัง มีขนาด 380 x 38 มิลลิเมตร คาลิเปอร์
4 ลูกสูบ เป็นแบบ Dual hydraulic circuit brake system พร้อม vacuum brake booster

พวงมาลัยเป็นแบบ Servotronic ควบคุมไปพร้อมกับโหมดการขับขี่ 3 แบบที่ผู้ขับขี่เลือกเองได้ ร่วมกันกับทั้ง
ABS ESP และ ระบบเกียร์ ล้ออัลอยคู่หน้าเป็นแบบ 19”x9J สวมด้วยยาง Pirelli 255/35 ZR19 ส่วนคู่หลังเป็น
ขนาด 20” x 12J สวมเข้ากับยางขนาด 335/30 ZR20

สมรรถนะที่ทางโรงงานเคลมเอาไว้ ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 2.9 วินาทีเท่านั้น!!
ส่วนความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในเมือง 27.3 ลิตร / 100 กิโลเมตร ส่วน
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง แบบ Extra Urban คือรวมการขับขี่บนทางไฮเวย์ด้วยแล้ว อยู่ที่ 11.3 ลิตร / 100 กิโลเมตร
เฉลี่ยรวมแล้วอยู่ที่ 17.2 ลิตร / 100 กิโลเมตร การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สู่โลก สูงถึง 398 กรัม / กิโลเมตร

Lamborghini Aventador LP700-4 เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว บนแท่นหมุนของงาน Geneva Auto Salon
เมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2011 ที่ผ่านมาและพร้อมออกสู่ลาดได้ทันที ด้วยค่าตัวที่ Lamborghini ประกาศไว้แล้วดังต่อไปนี้

UK: GBP 201.900,00 (suggested retail price taxes excluded)
Europe: € 255.000 (suggested retail price taxes excluded)
USA: 379.700 USD (suggested retail price – GGT included)
China: RMB 6.270.000,00 (suggested retail price taxes included)
Japan: YEN 39.690.000,00 (suggested retail price taxes included)

ที่สำคัญ ลูกค้ายังสามารถเลือกได้ 13 เฉดสี และสารพัดการตกแต่งภายใน เลือกเอาได้ว่าจะเอาระบบ ความบันเทิง
ในรถ แบบ HMI (เหมือนที่ใช้กับรถในค่าย Audi) และสารพัออพชันต่างๆอีกมากมาย

เศรษฐีเมืองไทยคนไหน สนใจจะเป็นเจ้าของ Aventador คันแรกในไทย ก็ลองติดต่อกับทาง Niche Cars
ที่ศรีนครินทร์ ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ ประจำประเทศไทย กันได้ตามอัธยาศัย

—————————————-///———————————————