หลังจาก Honda เปิด teaser ขนกองทัพยานพาหนะไร้มลพิษบุกงานมหกรรมยานยนต์ 2023 Japan Mobility Show ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2023 นี้ โดยมีไฮไลท์รถสปอร์ตขุมพลังไฟฟ้าล้วนปริศนา ที่ยังไม่มีเส้นสายรถทั้งคันเผยให้เห็นก่อนวันงานแต่อย่างใด Lexus ก็ไม่รอช้า ปล่อย teaser รถ EV ที่คาดว่าจะเป็นรถต้นแบบของรถสปอร์ตทรง GT ที่มีรูปทรงเสมือนเป็นรถแข่ง ด้วยด้านหน้าที่ลาดต่ำ ความกว้างตัวถังที่มากกว่ารถสปอร์ตทั่วไป มีช่องดักลมขนาดใหญ่พร้อมด้วยการติดตั้งกล้องมองด้านข้างทดแทนกระจกมองข้างแบบปกติ โดยคาดว่าทั้งหมดนี้ จะเชื่อมโยงกับรถต้นแบบที่ Toyota ได้เผย teaser ออกมาในช่วงก่อนหน้าในระหว่างการนำเสนองบการเงินต้นเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา
Toyota ออกมาประกาศกร้าวในการลุยตลาดรถ EV โดยหลังจากที่ได้เปิดตัวกองทัพรถต้นแบบตลอดปี 2021 และ 2022 ที่ผ่านมา ก็จวนจะใกล้กำหนดการเปิดตัวของรถยนต์เหล่านี้ทั้งหมดนับตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป ขณะที่ Lexus ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทาง CEO ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อยานยนต์หัวใหญ่อย่าง Automotive News ว่า “Lexus จะเป็นหนึ่งในผู้นำในการพัฒนาและผลักดันยุคของ EV ในอนาคตอันใกล้นี้ และเตรียมเข้าสู่ยุคของรถ EV ล้วน ภายในปี 2035” ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของผู้บริหารอีกท่านที่ให้ไว้กับสื่อเดียวกันว่า “Lexus ตั้งเป้าหมายในการแนะนำระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน ที่จะถูกสร้างขึ้นบนงานวิศวกรรมพื้นฐาน modular structure ที่จะเปลี่ยนรูปแบบการผลิตและการจัดการทางซอฟต์แวร์พื้นฐานไปอย่างสิ้นเชิง”
Lexus ได้ให้ความสำคัญกับซอฟต์แวร์โดยเฉพาะกับ digital platform หลากรูปแบบ เพื่อที่จะรองรับการพัฒนาของรถ EV อย่างก้าวกระโดด
ขณะที่ฝั่ง Toyota ได้เตรียมวางจำหน่ายแบตเตอรี่ที่ทำให้รถวิ่งได้ไกลมากกว่า 800 กิโลเมตรต่อ 1 รอบการชาร์จ ภายในปี 2026 นี้ ขณะที่แผนการเปิดตัวแบตเตอรี่แบบ solid-state ถูกเลื่อนออกไปในช่วงปี 2028-2029 เพื่อที่จะเพิ่มระยะทางวิ่งสูงสุดให้ได้ถึง 900-1,000 กิโลเมตรต่อ 1 รอบการชาร์จ และยังสามารถชาร์จจาก 10%-80% ได้ภายในเวลาเพียง 10 นาที ขณะที่โรงสร้างตัวถังแบบ modular ที่เกิดมาเพื่อรถ EV ก็จะถูกนำมาใช้เช่นเดียวกันกับ Lexus
โดยโครงสร้างตัวถังจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนหน้าที่จะติดตั้งอุปกรณ์ power electronics รวมไปถึงมอเตอร์ขับเคลื่อนด้านหน้า อุปกรณ์บังคับเลี้ยวโดยใช้ระบบไฟฟ้า ขณะที่ส่วนกลางจะติดตั้งแบตเตอรี่ให้มีการจัดการพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และในส่วนท้ายจะมาพร้อมมอเตอร์ขับเคลื่อนชุดหลัง พร้อมด้วยการจัดสรรพื้นที่สำหรับการขนสัมภาระได้เพียงพอต่อประเภทรถนั้นๆ ทั้งหมดนี้ยังทำให้น้ำหนักตัวรถเบาลง พร้อมด้วยความแข็งแรงและลดระยะเวลาในการผลิตชิ้นส่วนตัวถังได้
ที่มา: Autoblog