GWM เพิ่งจะเปิดตัว Tank 300 และ 500 ขุมพลัง เบนซิน 2.0 Turbo Hybrid 350 แรงม้า 4WD ไปเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2023 ทางฝั่งประเทศบ้านเกิดก็ได้เปิดตัว Tank 400 เมื่อ 2 วันก่อนหน้า ที่แทรกกลางระหว่าง 2 รุ่นดังกล่าว โดยได้หันมาใช้ขุมพลัง Plug-in hybrid ที่เพิ่มศักยภาพในการเดินทางได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้นด้วยระยะทางในโหมด EV กว่า 105 กิโลเมตร ซึ่งนับว่าเป็นการต่อยอดจาก Tank 500 Plug-in hybrid ที่เปิดตัวในตลาดประเทศจีนไปก่อนหน้าเป็นรถ PHEV รุ่นแรกของตระกูล Tank ในงานมหกรรมยานยนต์ Guangzhou Auto Show 2022

 

ขณะที่ Tank 400 นับเป็นรุ่นที่เปิดตัวครั้งแรกโดยใช้ขุมพลัง Plug-in hybrid เป็นหลัก ซึ่งหากนับวันที่ Tank 400 เวอร์ชั่นต้นแบบเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2021 ก็นับเป็นเวลาร่วม 2 ปี จนกว่างานออกแบบภายนอก-ภายใน และงานระบบวิศวกรรมจะพร้อมสำหรับการวางจำหน่ายจริง

 

โดยงานออกแบบรอบคันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง เปรียบเสมือนได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถที่ใช้ในทางทหาร โดยซุ้มล้อทั้ง 4 ข้างมีการออกแบบให้กรุเป็นรูหมุดยึดเสมือน พร้อมด้วยกระจกมองข้างสไตล์เดียวกับ Tank 300 ขณะที่ด้านหน้ามีความแข็งแกร่งแบบเรียบง่าย โดดเด่นด้วยไฟหน้าพร้อมไฟ DRL ทรงเหลี่ยม ด้านข้างมีการออกแบบให้ตัวรถมีมัดกล้าม โดยเน้นให้เสา C และ D มีความหนามากกว่าปกติ ส่งต่องานออกแบบไปยังด้านท้ายรถที่มาพร้อมยางอะไหล่แบบกึ่งเปลือยติดตั้งบนฝากระโปรงท้ายเปิดออกทางด้านข้างตามสไตล์ตัวลุย โดยไม่ลืมที่จะติดตั้งฝาครอบพร้อมโลโก้ TANK ขนาดใหญ่

 

มิติตัวรถ

  • ความยาว 4,985 มิลลิเมตร
  • ความกว้าง 1,960 มิลลิเมตร
  • ความสูง 1,900 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร

ความสามารถในการลุยฝ่าอุปสรรคเริ่มด้วยมุม Approach และ departure ที่ 33 และ 30 องศา ตามลำดับ โดยมีระยะต่ำสุดจากพื้นสูงถึง 224 มิลลิเมตร โดยการติดตั้งแบตเตอรี่ไว้บริเวณเฟรมตัวถังด้านท้ายเป็นการกระจายน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพ และทาง GWM ได้ยืนยันว่า ไม่เป็นปัญหาต่ออุปสรรคแต่อย่างใด ทำให้สามารถลุยน้ำท่วมได้ลึกกว่า 80 เซนติเมตร

 

ภายในมาพร้อมกับเบาะนั่งแบบ 5 ที่นั่ง พร้อมด้วยความจุห้องเก็บสัมภาระขนาด 566 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวที่ 2 ลง จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,803 ลิตร เพิ่มเติมความทันสมัยด้วยหน้าจอกลางขนาด 16.2 นิ้ว และจอมาตรวัดสำหรับผู้ขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบปรับอากาศแบบ 3 โซน พร้อมด้วยเครื่องเสียงพรีเมียม ติดตั้งลำโพง 10 ตำแหน่ง

 

ขุมพลังรหัส Hi4-T ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว 2.0 ลิตร ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ารหัส P3 มีพละกำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ 408 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 750 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านระบบ DHT (Dedicated Hybrid Transmission) แบบ 9 จังหวะ ติดตั้งแบตเตอรี่แบบ NMC ความจุ 37.1 kWh ที่สามารถเดินทางด้วย EV Mode ได้ไกลสุดถึง 105 กิโลเมตร

 

Tank 400 Hi4-T มีให้เลือกจำนวน 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่นเริ่มต้นราคาจำหน่าย 279,800 หยวน หรือประมาณ 1,402,563 บาท ที่มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว หลังคากระจก panoramic roof เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบอุ่นเบาะ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ differential lock สำหรับเพลาล้อคู่หน้า

ขณะที่รุ่นท๊อปได้รับการอัพเกรดเบาะนั่งภายในเป็นหนัง Nappa กระจกลดเสียงรบกวนรอบคัน และเพิ่มเติม Head-up display และระบบระบายความร้อนที่เบาะคู่หน้าพร้อมด้วยระบบเบาะนวดไฟฟ้า ปิดท้ายด้วย differential lock สำหรับเพลาล้อคู่หลังเพิ่มเติม ทั้งหมดนี้มาพร้อมราคาจำหน่าย 298,800 หยวน หรือประมาณ 1,507,324 บาท

ต้องจับตาดูกันต่อว่าด้วยกระแสตอบรับของทั้ง Tank 300 และ 500 ในประเทศไทยจะเป็นอย่างไร รวมไปถึงความเป็นไปได้ที่ทาง GWM จะนำ Tank 400 Hi4-T ขุมพลัง Plug-in hybrid เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย หลังจากกระแสตอบรับในประเทศจีนได้กวาดยอดจองล่วงหน้าไปแล้วกว่า 8,500 คัน

ที่มา: Carnewschina