Volvo นับเป็นค่ายรถยนต์จากยุโรปค่ายแรกๆ ที่ได้ออกมาประกาศเตรียมยุติบทบาทของเครื่องยนต์ดีเซลเมื่อปี 2017 เนื่องจากต้องใช้งบประมาณในการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลให้เป็นไปตามมาตรฐานไอเสียที่เข้มงวดขึ้นทุกๆปี จนกระทั่งล่าสุด Volvo ได้ออกมาประกาศยุติบทบาทของเครื่องยนต์ดีเซลภายในปี 2023 นี้ และพร้อมมุ่งเข้าสู่ยุคของขุมพลังไฟฟ้าล้วนภายในปี 2030 และยังมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ด้วยการควบคุมการผลิตให้กลายเป็นกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
จากประสบการณ์การออกแบบและพัฒนาขุมพลังไฟฟ้าล้วน ทำให้ Volvo ได้เรียนรู้ว่า การสร้างรถ EV มีความซับซ้อนน้อยกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน บนพื้นฐานจากศักยภาพและทรัพยากรที่มีอยู่ในมือ จึงทำให้ขุมพลังไฟฟ้าล้วนนี้มีความสำคัญต่อตลาดในอนาคตอย่างมาก เนื่องจากได้เปลี่ยนแปลงตัวรถไปในทางที่ดีขึ้นเกือบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเสียงรบกวนที่น้อยลง การสั่นสะเทือนที่ต่ำกว่า รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลที่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการที่ Volvo เล็งเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด จึงทำให้การก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ต้นของวงการยานยนต์ในการเป็นผู้ผลิตที่ตระหนักถึงการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และด้วยการประกาศใช้กฎและข้อบังคับต่างๆ จากฝั่งรัฐบาลของแต่ละประเทศ จึงทำให้ Volvo ยิ่งอยากจะสะท้อนภาพลักษณ์และความหนักแน่นต่อการตัดสินใจในการยกเลิกขุมพลังดีเซลก่อนใครๆ และอยากที่จะให้ค่ายรถยนต์อื่นๆ เล็งเห็นความสำคัญเช่นเดียวกัน
ถึงแม้ว่ายอดขายรถยนต์ของ Volvo เมื่อย้อนกลับไปในปี 2019 จะมีสัดส่วนของเครื่องยนต์ดีเซลมากที่สุดก็ตาม แต่ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ให้ทันกับความต้องการที่เปลี่ยนไปจากเดิม พร้อมด้วยกฎและข้อบังคับทางมลพิษที่เข้ามาบีบให้หันมาสนใจที่ขุมพลังไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น จนกระทั่งในปี 2023 นี้ ยอดขายของ Volvo ส่วนใหญ่ กลายเป็นรถยนต์เสียบปลั๊กทั้งในรูปแบบขุมพลังไฟฟ้าล้วนและ Plug-in hybrid
ที่มา: Autoblog