สำนักแต่ง Manhart ได้เปิดตัวผลงานชิ้นที่สาม ของแผนกที่พึ่งตั้งขึ้นมาใหม่ Classic Cars Department กับ Manhart Alpina 2002 TII ส่วนสองคันก่อนหน้านี้คือ Lancia Delta Integrale และ BMW M3 E30 โดยในส่วนของ 2002 TII ที่ Manhart นำมาต่อยอดนั้นไม่ใช่เวอร์ชั่นธรรมดา เพราะผ่านการดัดแปลงโดยสำนัก Alpina มาแล้ว แต่บริษัทสามารถเสริมเขี้ยวเล็บให้กับยนตรกรรมรุ่นปู่ ให้วิ่งเล่นกับรถยนต์รุ่นหลานได้โดยไม่เคอะเขิน
ภายนอกของ Manhart Alpina 2002 TII มาในสีเขียว Agave Green ตัดด้วยลายกราฟฟิกอัตลักษณ์ของ Alpina สีเทาและสีเขียวรอบคัน ล้อเป็นลายซี่ถี่เอกลักษณ์ของ Alpina แบบ 3 ชิ้น ขนาด 16 x 8 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 215/40 ในด้านหน้า และ 225/40 ในด้านหลัง พร้อมกับรองสเปเซอร์หน้าหลังขนาด 25 มิลลิเมตร ล้อจึงยื่นออกมารับกับคางใต้กันชนหน้า รวมถึงโป่งล้อ Alpina ที่ขยายออกมา และมีชื่อเล่นภายในว่า Pig Cheeks
ห้องโดยสารของ Manhart Alpina 2002 TII คงความเก๋าด้วยเบาะเดิม Alpina Sport Seats โดย Scheel พร้อมผ้าหุ้มเดิมคาดแถบสีน้ำเงินและเขียวรับกับสีตัวถัง เสริมด้วยหัวเกียร์, พวงมาลัย และพรมพื้นของ Alpina เช่นเคย เบาะหลังยังคงอยู่และหุ้มด้วยผ้าลายเดียวกัน พร้อมเสริมความแข็งแรงด้วยโรลบาร์ ALPINA Club Sport
ขุมพลังของ Manhart Alpina 2002 TII ยังคงเดิมกับเครื่องยนต์เบนซิน รหัส M10 แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ซึ่งเดิมที Alpina เสกพละกำลังได้ 130 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 178 นิวตันเมตร แต่ Manhart ต่อยอดด้วยชุดกรองอากาศใหม่จาก K&N, ระบบคันเร่งเดี่ยว Alpina, ระบบจูนเครื่องยนต์ EMU Classic ECU จาก Alpina, ท่อไอดี Alpina และทางเดินไอเสีย Manhart จนพละกำลังเพิ่มเป็น 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 215 นิวตันเมตร
ฟังดูไม่ใช่ตัวเลขที่สูงอะไรเลยสำหรับรถยนต์สมัยนี้ แต่อย่าลืมว่านี่คือรถยนต์ที่พัฒนาขึ้นในยุค 60’s แถมยังมีน้ำหนักตัวเพียงตันนิดๆ ส่วนระบบส่งกำลังนำเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ จาก BMW 323i (E21) มาชน รวมถึงระบบดิสเบรก 4 ล้อจาก E21 รุ่นเดียวกัน ช่วงล่างเอาอยู่ด้วยโช๊คอัพ Alpina จาก Raab Classics พร้อมค้ำ Wiechers Strut Brace ทั้งหมดนี้เป็นเจ้าของได้ด้วยราคาประมาณ 159,000 USD (ราว 5,673,000 บาท)